เวลาของเรามีเท่ากันจริงไหม?
คำถามเรื่องนี้เป็นหนึ่งในคำถามอมตะของโลก โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ทุกอย่างดูรวดเร็วไปเสียหมด มนุษย์มีสิ่งที่ต้องทำต้องจัดการมากมายกว่าในอดีตเสียจนทำให้คนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าอยากจะมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อยในแต่ละวันเพราะทำอะไรไม่ทันจริงๆ
แต่สิ่งที่อาจจะสำคัญมากกว่าคือเราใช้จ่ายวันและเวลาที่ผ่านไปได้อย่างคุ้มค่ามากพอแล้วหรือไม่ (Time Well Spent) เพราะบนโลกใบนี้ เวลาเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ไม่สามารถทวงคืนกลับมาได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยรู้สึกเสียดายเวลาที่ใช้ไปไม่ว่าจะกับเรื่องอะไรก็ตาม
ว่าแต่แล้วคนเราควรจะใช้จ่ายวันเวลาไปกับอะไรบ้างถึงจะเรียกว่าคุ้มค่าและมีความหมาย?
หลักการมีไม่มากและไม่ได้ยากเกินเข้าใจ แต่ต้องเปิดใจก่อนนะ
1. ทำในสิ่งที่เราจะไม่สามารถทำได้เมื่อแก่ตัวลงไป
โบราณเขาว่ารู้อะไรไม่เท่ารู้งี้
เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในบทเรียนที่ดีเกี่ยวกับการใช้จ่ายเวลาเช่นกัน เพราะอย่างที่บอก เวลาเป็นสิ่งเดียวที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเลย สิ่งแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันของวันเวลาที่ผ่านก็คืออายุของเราที่ไม่ได้มากขึ้นแค่ปี แต่มากขึ้นทุกวินาที
ในวัยหนุ่มสาว สมบัติล้ำค่าที่สุดนอกจากสุขภาพแล้วคือเวลาที่อาจรู้สึกว่ามีมากมายเหลือเฟือจนใช้ไม่หมด และส่วนใหญ่จะถูกใช้จ่ายไปกับเรื่องที่สร้างความสุข เช่น การดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียลมีเดีย ท่องเที่ยว และใช้เวลากับเพื่อน
สิ่งเหล่านี้ไม่มีอะไรที่ผิดเลย เพราะมันคือการ ‘ใช้ชีวิต’ ในแบบของคนหนุ่มสาว ที่สำคัญมันจะมีบางสิ่งบางเรื่องที่หากไม่ทำตอนนี้ก็อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอีกแล้ว
สิ่งเหล่านั้นมีได้ตั้งแต่การใช้เวลากับมิตรภาพ การท่องเที่ยวบางรูปแบบที่เหมาะสมกับวัย เช่น การผจญภัย หรือแม้แต่การได้ตกหลุมรักใครสักคน
ถ้ามันเป็นสิ่งที่คิดว่าเราจะไม่สามารถทำได้หากแก่ตัวลงไป ทำเลย อย่าได้ลังเล
เพราะเมื่อถึงวันหนึ่งที่เราอยากทำแต่ไม่สามารถจะทำได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเงื่อนไขของสังขาร ภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ และเรื่องใหญ่ที่สุดอย่างครอบครัว สิ่งที่เราจะทำได้คือนั่งถอนหายใจด้วยความเสียดาย
2. ทำอะไรที่ทำแล้วมีความสุข
อาชีพที่น่าอิจฉาที่สุดในโลกนี้คืออาชีพคนที่มีความสุข ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว
คนที่มีความสุขนั้นจะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข ฟังดูก็ไม่เห็นมีอะไรยาก แต่ปัญหาคือชีวิตคนเราเมื่อเติบโตและเริ่มมีความซับซ้อนขึ้นตามวัยของชีวิต มันทำให้บางครั้งเรานึกไม่ออก จำไม่ได้แล้วว่าเราเคยมีความสุขอย่างไร
เรื่องนี้ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ แต่เชื่อเถอะว่ามีคนที่มองหาความสุขไม่เจอจริงๆ ในแต่ละวัน
คนวัยทำงานจำนวนมากใช้ชีวิตเหมือนเครื่องจักรในการหาเงิน ตื่นเช้า ทำงานถึงเย็น และกลับมาบ้านเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในวันต่อไป โดยที่ระหว่างวันนั้นไม่ได้คิดถึงการทำให้ตัวเองมีความสุขสักเท่าไร โดยเฉพาะคนที่มีคนที่ต้องดูแล ความสุขของตัวเองเป็นเรื่องรองเสมอ
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือดี เพราะเราทุกคนควรมีความสุข ดังนั้นทำอะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุขบ้าง ไม่ได้แปลว่าเราใช้ชีวิตหย่อนยานเสียเมื่อไร
ใครใคร่ทำอะไรก็ทำ ชอบกินขนมก็หาของอร่อยกิน ชอบดื่มกาแฟก็ไปร้านที่ชอบหรืออยากลอง หรือแม้แต่การนอนดูหนังบนสตรีมมิงอยู่ที่โซฟา เปิดแอร์เย็นฉ่ำ หรือนอนงีบตอนกลางวันเฉยๆ
อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ถือว่าดีทั้งนั้น
สำหรับบางคนที่ไม่แน่ใจแล้วรู้สึกว่าทำความสุขหล่นหายไปไหนไม่รู้ ลองหยุดพักสักนิด ใช้เวลาค่อยๆ ทำความรู้จัก สำรวจหัวใจและความรู้สึกของตัวเองสักนิด “อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข” แล้วรอคอยคำตอบที่จะได้รับออกมา
มันอาจจะแค่ไม่กี่นาที หลายชั่วโมง เป็นวัน เป็นเดือน หรือเป็นปีก็ไม่เป็นไร
เพราะคำตอบที่ได้ มันจะทำให้เราใช้จ่ายวันเวลาที่มีเหลืออยู่ได้ดีที่สุดแน่นอน
3. ไปให้ถึงเป้าหมาย
ชีวิตคนเราเกิดมาแล้วถ้าไม่แย่เกินไปนักก็ควรจะมีเป้าหมายที่จะเป็นแรงกระตุ้นเบาๆ ทุ้มอยู่ในใจให้เราเดินหน้าไปสู่สิ่งนั้นให้ได้
บางคนอาจจะอยากเป็นนักร้อง บางคนอาจจะอยากเป็นนักแสดง บางคนอาจจะอยากเป็นนักเขียน บางคนอยากรู้เรื่องของ AI บางคนอยากศึกษาเรื่องของการลงทุน อีกหลายคนอยากมีรูปร่างที่ดีขึ้น สุขภาพที่ดีขึ้น จะได้อยู่กับคนที่รักไปนานๆ
หรือบางคนแค่อยากจะเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้น
การที่เรามีเป้าหมายในชีวิตคือจุดเริ่มต้นของการใช้เวลาที่คุ้มค่าในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การพยายามเพื่อที่จะไปให้ถึงจุดหมาย ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างเช่น ฉันจะเขียนบทความเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนบ่าย 3 โมง (ผู้เขียนกำลังบอกตัวเองอยู่ หรือมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างในปีนี้ฉันจะต้องเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองให้ได้ ฉันอยากจะรวยแล้ว (ผู้เขียนก็กำลังบอกตัวเองเช่นกัน))
ถ้าเราได้ลองตั้งใจทุ่มเททำลงไป ไม่ว่าสุดท้ายผลลัพธ์ของมันจะออกมาเป็นอย่างไร นั่นก็ถือว่าเป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่าแล้ว
4. เปลี่ยนแปลงได้ทุกวินาที
หลายคนที่ผ่านร้อนและหนาวมามากพอสมควรอาจจะรู้สึกเสียดายเวลาที่สูญไป บางคนอาจจะคิดว่าตัวเองแก่แล้ว อายุมากแล้ว เราเรียนรู้ไม่ไหว ตามโลกไม่ทันแล้ว
แต่ความจริงแล้ว ‘ไม่มีคำว่าสายเกินไปในการจะเป็นคนในแบบที่คุณอยากเป็น’ และ ‘เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงคือตอนนี้เลย’
อย่าจับเวลาเป็นตัวประกัน เพราะเจ้านายของเวลาคือตัวของเราเอง และเราสามารถเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกวินาที มีคนจำนวนมากที่ไล่ตามความฝันสำเร็จแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม หรือบางครั้งไม่ต้องเป็นเรื่องความฝัน แค่เป็นการใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขยิ่งขึ้น นั่นก็ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่แล้ว
ดังนั้นถ้ารู้สึกว่ามีสิ่งที่อยากทำ ทำแล้วไม่เดือดร้อนใคร อยากเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง เก็บเอาไว้ในใจมานานแล้ว
ลุยเลย! นี่แหละคือหนึ่งในวิธีการใช้เวลาให้ดีและคุ้มค่าที่สุด
5. ให้เวลา
เราพูดถึงการใช้เวลาเพื่อตัวเองมามากแล้ว แต่มีอีกหนึ่งวิธีในการใช้เวลาอย่างดีที่สุด
สิ่งนั้นคือการ ‘ให้’
ให้ในที่นี้มีความหมายมากมายหลายแบบ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นสิ่งของหรือเงินทองเท่านั้น บางครั้งแค่การให้เวลาไปกับคนที่รักเรา หรือให้เวลาไปกับการทำเพื่อคนอื่น เช่น การไปเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือใครสักคนที่กำลังขาดไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม
สิ่งเล็กๆ เหล่านี้ไม่ได้กินเวลาในชีวิตไปมากมาย บางทีอาจจะชั่วโมงเดียวหรือครึ่งวัน
แต่สิ่งที่จะได้กลับมาคือความสุขที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ที่จะเป็นต้นทุนสำหรับการใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปในเวลาเท่าที่เรายังมีเหลืออยู่บนโลกใบนี้
โดยที่ไม่ว่าใครจะรู้ เห็น หรือจดจำได้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะสิ่งนั้นจะอยู่กับหัวใจเราไปตลอดกาล
เอาละ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังคิดถึงเรื่องของการใช้วันเวลา หวังว่าจะช่วยให้ใช้จ่ายเวลาได้อย่างมีคุณค่าและมีความหมายมากยิ่งขึ้นนะ 🙂
อ้างอิง:
- https://mikevanderpoel.com/time-well-spent/
- https://www.forbes.com/sites/tracybrower/2023/02/14/7-ways-to-spend-your-time-to-maximize-your-happiness/
- https://medium.com/a-little-bit-better/6-productive-ways-to-spend-your-time-every-day-7f31bf0a6cd5
- https://www.businessinsider.com/how-to-spend-time-in-ways-that-make-you-happy-2012-11
- https://greatergood.berkeley.edu/article/item/how_to_spend_your_time_on_what_matters_most