สินค้าอุปโภคบริโภคของยักษ์ใหญ่ Unilever ถูกผู้บริโภคแบน จากผลพวงสงครามในตะวันออกกลาง กระทบรายได้ในตลาดอินโดนีเซียลดลงกว่า 15% ไม่เว้นแม้แต่ Starbucks และ KFC
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า Unilever ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคยักษ์ใหญ่ รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 ปี 2023 ยอดขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Vaseline, สบู่ Dove และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย Rexona ในประเทศอินโดนีเซียลดลงถึง 15% จากผลกระทบที่บริษัทคว่ำบาตรจากประเด็นสงครามในตะวันออกกลาง
ส่งผลให้ผู้บริโภคในประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมมากกว่า 200 ล้านคน ได้คว่ำบาตรไม่ซื้อสินค้าของบริษัทข้ามชาติ เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่สนับสนุนหรือมีความเชื่อมโยงกับสงครามในอิสราเอล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อิสราเอล vs. ฮามาส: วิกฤตตะวันออกกลาง-วิกฤตโลก
- Yum! Brands เชนฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่เร่งกอบกู้ยอดขาย หลังแบรนด์หลักยอดขายต่ำกว่าเป้า รับพิษสงครามยืดเยื้อ
“ทั้งนี้ บริษัทที่ได้รับผลกระทบในอินโดนีเซียไม่ได้มีแค่บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค แต่ยอดขายของบริษัทข้ามชาติหลายแห่งก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน” ไฮน์ ชูมัคเกอร์ ซีอีโอ Unilever กล่าว
รวมไปถึง Yum! Brands เชนฟาสต์ฟู้ดยักษ์ใหญ่ เจ้าของ KFC และ Pizza Hut ที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก เห็นได้จากยอดขายที่ลดลง จากผลความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง และไม่ใช่แค่ในตลาดอินโดนีเซียเท่านั้น แต่รวมไปถึงหลายๆ ประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ Starbucks และ McDonald’s ก็ประสบปัญหายอดขายที่ลดลงเหมือนกัน
นอกจากยอดขายแล้ว อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคยังประสบปัญหาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นมากว่า 2 ปี เนื่องจากทุกอย่างตั้งแต่น้ำมันดอกทานตะวันและการขนส่ง ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์และธัญพืชมีราคาแพงขึ้น เรียกได้ว่าได้รับผลกระทบจากสงครามไปเต็มๆ
อ้างอิง: