×

Apple จำเป็นต้องดันให้ Vision Pro ออกมาปังจริงไหม ในเมื่อ Meta Quest ก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย!

26.01.2024
  • LOADING...

Alex Webb นักเขียนสายเทคโนโลยีประจำ Bloomberg ได้ออกบทวิเคราะห์ถึงเหตุผลว่า ทำไมอุปกรณ์เฮดเซ็ตอย่าง Apple Vision Pro อาจเป็นเครื่องมือชิ้นหนึ่งที่ออกมาเพื่อใช้รักษาศักยภาพในการแข่งขันของตัวเองในสังเวียน Mixed Reality (สภาวะที่โลกความเป็นจริงมาบรรจบกับโลกดิจิทัล) ที่ Meta เป็นคู่แข่งหลักอยู่

 

“Apple ไม่จำเป็นต้องลุ้นหรือพยายามดันให้ Vision Pro ออกมาเป็นสินค้ายอดนิยมก็ได้ ตราบใดที่สินค้าในหมวดหมู่เดียวกันของคู่แข่งโดยเฉพาะ Meta Quest นั้นไม่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน” นักข่าวด้านเทคโนโลยีของ Bloomberg ระบุ

 

เหตุใด Apple จึงอาจสร้าง Vision Pro ขึ้นมาเพียงเพื่อปกป้องตัวเอง?

 

ตอนนี้ Apple กำลังเปิดรับคำสั่งซื้อล่วงหน้า (Pre-Order) ของเจ้า Vision Pro ที่จะเปิดตัวในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ โดยสนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 3,499 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 125,000 บาท) แต่ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยอดการสั่งซื้อแบบเข้ามารับด้วยตนเอง (In-Store Pickup) ก็ถูกจองเต็มอย่างรวดเร็วสำหรับวันแรกในหลายสาขา อีกทั้งกำหนดการจัดส่งให้แก่ผู้ที่สั่งแบบเดลิเวอรีก็ต้องถูกเลื่อนออกไปเป็นกลางเดือนมีนาคม แต่ความล่าช้าแบบนี้ก็ยากที่จะฟันธงว่าสรุปแล้วความต้องการนั้นล้นหลามจริงๆ หรือ Apple ผลิตสินค้าล็อตแรกออกมาน้อยเกินไปกันแน่?

 

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะสำหรับ Tim Cook ‘การโจมตีคือรูปแบบของการป้องกันที่ดีที่สุด’ เพราะหากวันดีคืนดีแว่นตาอัจฉริยะกลายเป็นเทรนด์ใหญ่ที่เข้ามาพลิกโฉมและปฏิวัตินิยามการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่ Apple กลับไม่มีสินค้านี้อยู่ในแบรนด์ของตัวเองแล้วละก็ นั่นจะเป็นประเด็นปัญหาที่อาจสั่นคลอนตำแหน่งความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของ Apple เลยก็ได้

 

แต่ในอีกสถานการณ์หนึ่ง หากผลตอบรับจากตลาดที่มีต่อ Vision Pro ออกมาไม่ได้ปังอย่างที่บางคนตื่นเต้นกัน Apple ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ตนเป็นผู้นำอยู่ เช่น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และที่สำคัญเลยก็คือสมาร์ทโฟน ซึ่งในปีที่แล้ว iPhone มียอดขายจำนวน 235 ล้านเครื่อง เป็นตัวเลขที่แซงหน้า Samsung กลายเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนที่นิยมที่สุดในโลก

 

รายได้จำนวน 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากธุรกิจสมาร์ทโฟนของ Apple เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่นำทรัพยากรไปใช้หล่อเลี้ยงส่วนอื่นๆ ของธุรกิจ เพราะหากไม่มี iPhone ธุรกิจในส่วนของอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ก็ไม่สามารถที่จะมีรายได้ถึง 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐได้ หรือธุรกิจ Mac และ iPad ก็แทบจะไม่มีทางทำรายได้ขนาด 58,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้เช่นกัน

 

ดังนั้น การลงทุนของ Vision Pro ครั้งนี้ในสายตาของ Alex ก็เป็นเพียงกลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำด้านเทคโนโลยีเอาไว้ได้ต่อไป

 

การเดิมพันของ Meta กับเมตาเวิร์ส และอานิสงส์จาก Vision Pro

ในฟากของ Mark Zuckerberg สาเหตุที่บริษัท Meta Platforms ของเขาต้องทุ่มสุดตัวไปกับระบบนิเวศ ‘เมตาเวิร์ส’ เป็นเพราะการจะใช้จ่ายโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook นั้นจำเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์อย่าง iPhone ซึ่ง Mark มองว่ามันเป็นเหมือนผู้คุมที่กำหนดกฎเกณฑ์การใช้งานและการเข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ ทำให้บริการของ Meta อาจถูกจำกัดและกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานได้ โดยเมื่อปี 2021 Apple มีการปรับกฎทำให้โฆษณาแบบบุคคลทำได้ยากขึ้น และแน่นอนว่ามันสร้างผลเสียหายในเชิงมูลค่ารายได้ให้กับธุรกิจ Meta กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

หากผู้คุมกฎขวางทางอยู่ เราจะทำอย่างไร?

 

ทางออกที่ Mark เลือกก็คือ การสร้างสิ่งใหม่ที่บริษัทของเขาเป็นผู้เขียนกฎเอง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ Meta เอาจริงเอาจังกับเมตาเวิร์ส เพื่อต้องการลดการพึ่งพา Apple ผ่านเฮดเซ็ตของตัวเองที่เรียกว่า Meta Quest

 

แต่ทว่าสิ่งที่ Meta ทุ่มตัวลงทุนไปนั้นกลับได้ผลลัพธ์ออกมาแบบไม่ค่อยน่าชื่นใจเท่าไร เพราะในช่วงเวลา 12 เดือน ระหว่างเดือนตุลาคม 2022 ถึงเดือนกันยายน 2023 แผนก Reality Labs ของ Meta ออกมาเปิดเผยรายได้จำนวน 2,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถึงแม้ว่านี่จะดูเป็นตัวเลขที่เยอะ แต่มันก็มีขนาดเพียง 2% ของรายได้ทั้งหมดในบริษัทเท่านั้น และถ้าหากจะเทียบกับเงินที่ลงทุนไปนับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าผลตอบแทนแบบนี้เป็นอะไรที่ดูแล้วไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก ซึ่งก็เป็นสถานการณ์ที่ไม่ได้กระเทือน Apple แต่อย่างใด ณ ตอนนี้

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ในปัจจุบันความเสี่ยงที่ยังต้องระวังมีอยู่ 2 ประเด็น โดยสิ่งแรกก็คือการมาของ Vision Pro อาจเป็นชนวนที่จุดกระแสโลกเสมือนให้กลับมาอีกครั้งก็เป็นได้ และหากเป็นแบบนั้น แนวโน้มที่ Meta จะได้ประโยชน์จากการ ‘โหน’ กระแสไปกับความสำเร็จของ Apple ก็เกิดขึ้นได้ เพราะราคาของ Meta Quest นั้นอยู่เพียงประมาณ 13% ของ Vision Pro เท่านั้น

 

ส่วนประเด็นที่สองคือ การจัดสรรทรัพยากร เพราะการโฟกัสกับความสำเร็จของ Vision Pro หมายถึงการดึงทรัพยากรส่วนที่สามารถนำไปใช้ค้นคว้านวัตกรรมอื่นๆ ต้องถูกจับมาใช้พัฒนาอุปกรณ์ดังกล่าวแทน

 

ณ ปัจจุบันอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า Vision Pro ‘ปัง’ จริงหรือเปล่า แต่ที่เห็นได้แน่ๆ คือ มีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เลือกจะยอมจ่ายเพื่อสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของแว่นอัจฉริยะตัวนี้จากบริษัทที่ (ยัง) มีมูลค่าสูงสุดในโลก

 

ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X