สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งสำหรับ Microsoft ที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24 มกราคม) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ชั้นนำของสหรัฐฯ รายนี้มีมูลค่าตลาดพุ่งขึ้นทะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก หลังจากที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 1% สู่ระดับ 404 ดอลลาร์ ก่อนที่หุ้นของ Microsoft จะขยับปรับลดในช่วงการซื้อขายระหว่างวันและปิดตลาดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาที่ 401.5 ดอลลาร์ต่อหุ้น
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดในด้านมูลค่าตลาดของ Microsoft ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ และมีขึ้นราวสองสัปดาห์หลังจากที่ Microsoft เบียด Apple ขึ้นแท่นเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกไปเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่ต่อมา Apple จะยึดตำแหน่งกลับคืนไปได้ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (24 มกราคม) ที่มาร์เก็ตแคปของ Micorsoft อยู่ที่ 3.03 ล้านล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ปี 2024 ดูเหมือนจะเป็นปีมังกรทองสำหรับ Microsoft โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น Microsoft พุ่งขึ้นมากกว่า 7% นับตั้งแต่ต้นปี 2024 เพราะได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการที่บริษัทเข้าลงทุนในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI
ด้านนักวิเคราะห์จาก Citigroup คาดการณ์ว่า Microsoft มีจังหวะการเติบโตที่มั่นคงและแข็งแกร่ง (Solid Beat) สำหรับรายงานผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ของปีงบประมาณการเงินของบริษัทที่กำลังจะมีขึ้น พร้อมเพิ่มน้ำหนักให้กับการลงทุนในหุ้นของ Microsoft
ส่วนนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley มองว่าจุดยืนของ Microsoft และการมีส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI ทำให้บริษัทมีสัญญาณการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง พร้อมปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาหุ้น Microsoft เป็น 450 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากการคาดการณ์ครั้งก่อนที่ 415 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ทั้งนี้ Microsoft มีกำหนดรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบประมาณของบริษัทในวันที่ 30 มกราคมนี้
นอกจากมูลค่าตลาดของ Microsoft ที่ทุบสถิติใหม่แล้วเมื่อวานนี้ (24 มกราคม) ยังมีรายงานว่า ในวันเดียวกัน มูลค่าตลาดของ Meta ก็พุ่งทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในระหว่างการซื้อขายระหว่างวัน หลังจากที่มูลค่าหุ้นพุ่งขึ้นมากกว่า 2% โดยแตะระดับประมาณ 396 ดอลลาร์ต่อหุ้น
ก่อนหน้านี้ Meta เคยมีมูลค่าตลาดเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ ในเดือนกันยายน ปี 2021 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทสร้างสถิติดังกล่าว
การขยับขึ้นของหุ้น Meta ล่าสุดนี้ได้อานิสงส์จากการที่ซีอีโอของ Meta อย่าง Mark Zuckerberg ได้ประกาศมาตรการลดต้นทุนที่ทำให้เกิดการลดตำแหน่งงานมากกว่า 20,000 ตำแหน่งในปี 2023 เพื่อความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยระบบ AI ซึ่งผลงานที่ผ่านมาถือเป็นเครื่องพิสูจน์การตัดสินใจของ Zuckerberg โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2024 หุ้นของ Meta เพิ่มขึ้นเกือบ 12% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังมีความมั่นใจใน Meta เนื่องจากบริษัทแห่งนี้พยายามที่จะเสริมความแข็งแกร่งด้วยการตอกย้ำจุดยืนผู้นำนวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Zuckerberg กล่าวว่า Meta จะได้รับกราฟิกการ์ด H100 จำนวน 350,000 ตัว จาก NVIDIA ภายในสิ้นปีนี้ ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังใช้เงินหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับความพยายามในการพัฒนา AI
ทั้งนี้ Meta จะรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
อ้างอิง: