ตามที่ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI กล่าวว่า ทุกคนสามารถขอให้ ChatGPT ตอบคำถามหรือทำงานให้ แต่แชตบอตยอดนิยมนี้เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ทำงานใน 3 อุตสาหกรรมเฉพาะนี้
“การเขียนโค้ดน่าจะเป็นด้านเดียวที่เราตื่นเต้นมากที่สุดเกี่ยวกับ Productivity ในปัจจุบันมันถูกนำไปใช้งานเป็นวงกว้าง” ซีอีโอของ OpenAI กล่าวในตอนล่าสุดของ Unconfuse Me ซึ่งเป็นพอดแคสต์ที่จัดโดย บิล เกตส์ “ด้านการดูแลสุขภาพและการศึกษาเป็น 2 สิ่งที่กำลังมา ซึ่งเราตื่นเต้นมากเช่นกัน”
ตัวอัลต์แมนได้ชี้ให้เห็นว่า “ระบบ AI ปัจจุบันยังไม่สามารถทำงานเหล่านั้นแทนคุณได้ทั้งหมด” แต่ใน 3 สาขานี้ผู้ทำงานอาจได้รับประโยชน์จากการใช้แชตบอตเป็นเครื่องมือเพิ่ม Productivity ได้
การเขียนโค้ด
ChatGPT สามารถช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทำงานเสร็จได้เร็วขึ้นถึง 3 เท่าเมื่อเทียบกับปกติ ตามที่อัลต์แมนกล่าว ระบบสามารถช่วยในงานต่างๆ เช่น ตรวจสอบโค้ดที่เขียนไว้แล้วหาข้อผิดพลาด การทดสอบ การตอบคำถามของโปรแกรมเมอร์ และแม้กระทั่งการสร้างโค้ดใหม่ได้ด้วยตัวเอง
ทว่าการศึกษาในปี 2023 จากนักวิจัยที่ Stanford University และ University of California, Berkeley พบว่า กว่าครึ่งของคำตอบจาก ChatGPT นั้นไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด
ดังนั้นโปรแกรมเมอร์ที่ใช้ ChatGPT เพื่อช่วยงานของตัวเองควรดำเนินการอย่างระมัดระวังและตรวจสอบทุกสิ่งที่แชตบอตกล่าวอย่างละเอียด ซึ่งในทางกลับกันกระบวนการนี้อาจเร็วกว่าการทำงานเหล่านั้นด้วยตนเอง
แต่ซีอีโอของ OpenAI ย้ำว่า ChatGPT ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงแค่ช่วยให้โปรแกรมเมอร์ทำงานได้มากขึ้นในเวลาที่น้อยลงเท่านั้น แต่จะสามารถเพิ่มความ Productivity และช่วยให้มีเวลาว่างมากขึ้นสำหรับการคิดนอกกรอบ
การศึกษา
ในปัจจุบันระบบ AI สามารถช่วยให้ครูออกแบบหลักสูตรหรือแผนการเรียนส่วนบุคคลสำหรับนักเรียนแต่ละคน ระบบเหล่านี้ยังสามารถประหยัดเวลาให้ครูได้ด้วยการทำงานด้านการบริหารต่างๆ เช่น ติดตามการเข้าเรียนหรือส่งการแจ้งเตือนการบ้านแบบอัตโนมัติ
ที่สำคัญยังอาจมีประโยชน์ในการเรียนภาษาใหม่ เรื่องนี้สะท้อนได้จากบริษัทเทคโนโลยีการศึกษา เช่น Duolingo ได้เริ่มต้นการลดจำนวนพนักงานในขณะที่พึ่งพา AI มากขึ้น ซึ่งมีการถกเถียงกันในหลายๆ ด้าน
บิล เกตส์ ยังได้ชื่นชมความสามารถของ ChatGPT ในการขับเคลื่อนโปรแกรมการสอนพิเศษ โดยหวังว่าจะขยายการเข้าถึงติวเตอร์ส่วนบุคคลสำหรับนักเรียนในชุมชนที่ห่างไกล ซึ่งในปีที่แล้วเขาได้ทำนายว่า ผู้คนจะ ‘ตกตะลึง’ กับความสามารถของติวเตอร์ AI ที่จะช่วยเพิ่มทักษะการอ่านและเขียนของนักเรียนในไม่ช้า
แต่ครูแสดงความกังวลว่า เครื่องมือ เช่น ChatGPT อาจทำให้นักเรียนสามารถโกงในการบ้านได้ง่ายขึ้น แต่การวิจัยยังไม่ได้แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของการโกงจนถึงตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นนักจิตวิทยาจาก Barnard College ก็กล่าวว่า ผู้ปกครองและครูควรแนะนำนักเรียนให้ไม่พึ่งพา AI เพียงอย่างเดียว
การดูแลสุขภาพ
ChatGPT ของ OpenAI ได้ผ่านการสอบใบอนุญาตแพทย์ของสหรัฐฯ แล้ว แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะเตือนว่า ความเสี่ยงในการทำผิดพลาดของระบบทำให้ไม่น่าจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยส่วนใหญ่ในอนาคตอันใกล้
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือ AI สามารถช่วยแพทย์ได้โดยการทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยดิจิทัล เพื่อช่วยงานที่ใช้เวลามาก เช่น งานเอกสารประกัน โดย เจสซี เออเรนเฟลด์ ประธานสมาคมการแพทย์อเมริกัน กล่าวในปีที่แล้ว
เครื่องมือเหล่านี้สามารถวิเคราะห์งานวิจัยและสรุปประวัติการแพทย์ของผู้ป่วยได้ ตามที่ AMA ระบุแยกต่างหากเมื่อปีที่แล้ว และยังสามารถช่วยให้ประหยัดเวลาและให้ความรู้แก่ผู้ป่วยทางการแพทย์ได้ด้วยการตอบคำถามที่พบบ่อยของพวกเขา ตลอดจนการค้นหาและวิจัยยาใหม่
เกตส์เขียนว่า “หนึ่งในความสำคัญของ Gates Foundation สำหรับการนำ AI มาใช้คือ ทำให้แน่ใจว่าเครื่องมือเหล่านี้ถูกใช้สำหรับปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อคนยากจนที่สุดในโลก รวมถึงโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย”
อัลต์แมนกล่าวถึงความตื่นเต้นนี้ในพอดแคสต์ของเกตส์ โดยชี้ให้เห็นว่า เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น และอาจต้องใช้เวลา 5-10 ปีกว่าที่จะถึงจุดนั้นได้
อ้างอิง: