‘CAKE’ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เกรดพรีเมียม ที่เป็นมิตรกับโลกตั้งแต่การผลิต

แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ถูกคิดมาให้เป็นมิตรกับโลกและผู้คนในสังคม

หากคุณกำลังมองหามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง ขับขี่ดีเทียบเท่ากับมอเตอร์ไซค์ปกติ แถมวัสดุดีด้วย สามารถปรับแต่งได้สนุก อยากให้คุณมาลองทำความรู้จักกับแบรนด์ CAKE ดู

CAKE เป็นแบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติสวีเดนที่ยึดแนวคิดหลักคือ Light, Quiet & Clean คำว่า ‘Light’ มาจากการเลือกใช้วัสดุที่ดีและเบา เช่น เฟรม Aluminum เกรดพรีเมียม หรือใช้วัสดุแฮนด์รถเป็นเกรด Aero Space Material ส่วน ‘Quiet’ คือรถคันนี้เงียบมากเวลาขับขี่ ไม่ก่อมลพิษทางเสียงแน่นอน สามารถขับเข้าไปในเขตชุมชนได้แบบไม่ต้องกลัว สุดท้ายคือ ‘Clean’ หมายถึงงานดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ แต่ในอีกความหมายคือ ทางแบรนด์ต้องการจะสื่อถึงขั้นตอนการผลิตรถที่คลีน ไม่สร้างคาร์บอนโดยที่ไม่จำเป็น และเป้าหมายในระยะยาวของแบรนด์คือ การผลิตรถที่สร้างคาร์บอนให้น้อยที่สุดจนเกือบจะเป็น 0 เลย

อีกหนึ่งจุดเด่นด้านงานดีไซน์ของ CAKE คือ การทำให้ทุกอย่างดูเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน และชิ้นส่วนแทบทุกชิ้นสามารถถอดประกอบด้วยตัวเองที่บ้านได้ เช่น เบาะรถที่หากวันนี้อยากจะซ้อน 2 คนก็เติมเบาะได้ หรือวันนี้อยากจะไปซื้อของ เราก็เติมที่เก็บของได้เช่นกัน ถอดได้ทุกอย่างยันแบตเตอรี่ เราว่ามันดีมากๆ กับคนที่อยู่คอนโดแล้วอยากชาร์จรถไฟฟ้า แต่ที่จอดคอนโดไม่มีหัวชาร์จ เราสามารถยกแบตเตอรี่ขึ้นมาชาร์จที่ห้องได้

และข้อดีของการที่ตัวรถสามารถถอดประกอบชิ้นส่วนได้ง่ายคือการซ่อมบำรุง และการปรับแต่งตัวรถให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน มันทำให้เราสามารถใช้รถได้นานขึ้น และชิ้นส่วนของตัวรถก็ใช้วัสดุระดับพรีเมียม อายุการใช้งานก็จะยาวกว่าปกติ เรียกว่าซื้อครั้งเดียวคุ้ม ไม่ก่อให้เกิดขยะเหลือทิ้งที่ไม่จำเป็นอีกด้วย

โดยในไทย CAKE มีจำหน่ายด้วยกัน 3 โมเดล คือ Makka (ราคาเริ่มต้น 249,000 บาท), Ösa (ราคาเริ่มต้น 450,000 บาท) และ Kalk (ราคาเริ่มต้น 550,000 บาท) โดย Makka และ Ösa เป็นรถที่เหมาะกับการวิ่งในเมือง สามารถติดป้ายทะเบียนได้ ส่วน Kalk คือรถสมรรถนะสูง เหมาะกับทางวิบากหรือลงสนามแข่งเท่านั้น ไม่สามารถติดป้ายทะเบียนได้

Makka

เริ่มต้นด้วยรุ่นเล็กที่สุดอย่าง Makka (ราคาเริ่มต้น 249,000 บาท) ทางแบรนด์นิยามว่ามันคือ Urban Bike คันเล็ก ขี่ง่าย เหมาะกับการขับขี่ในเมือง ตัวเฟรมเป็น Stanless Steel เป็นรุ่นเดียวของทางแบรนด์ที่มอเตอร์อยู่ที่ล้อ แบตเตอรี่มี 2 ไซส์ คือ Normal วิ่งได้ 50-60 กิโลเมตร ต่อ 1 การชาร์จ และแบตเตอรี่ไซส์ใหญ่ที่สามารถวิ่งได้ราวๆ 100 กิโลเมตร ต่อ 1 การชาร์จ ความเร็วสูงสุดคันนี้วิ่งได้ราวๆ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยคันนี้สามารถปรับแต่งได้หลายรูปแบบ ใส่ที่นั่งเพิ่มได้ และใส่ Wind Shield เพิ่มได้ ใครอยากได้รถคันเล็กไว้ขับขี่ในเมืองหรือในชุมชนคันนี้เหมาะมากๆ

Ösa

ต่อมาคือรุ่น Ösa (ราคาเริ่มต้น 450,000 บาท) นี่คือ Utility Bike ที่น่าจะคุ้มค่าสุดๆ ถ้าหากจะเลือกซื้อสักหนึ่งคัน เพราะคันนี้ดีไซน์มาให้ปรับแต่งได้สะดวกสุดๆ ด้วยการมีคานกลาง 1 ชิ้น ทำให้เราสามารถเพิ่มเบาะ เพิ่มที่เก็บของ หรืออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย แถมขนาดของตัวรถก็ใหญ่ขึ้นมาพอๆ กับมอเตอร์ไซค์ทั่วไป การขับขี่บนถนนใหญ่ก็จะมั่นใจมากยิ่งขึ้น เฟรมของตัวรถเป็น Aluminum แบตเตอรี่คันนี้วิ่งได้ 111 กิโลเมตร ต่อ 1 การชาร์จ ความเร็วสูงสุดที่เขาทำได้คือเกิน 90 กิโลเมตร จุดเด่นอีกอย่างของแบตเตอรี่รุ่นนี้คือ สามารถจ่ายไฟให้อุปกรณ์อื่นได้ ใครที่เอาไปเที่ยว เข้าป่า แคมปิ้ง เอาตัวนี้ไปเหมาะ เหมือนพกแบตเตอรี่สำรองลูกใหญ่ไปด้วยเลย

Kalk

สุดท้ายสำหรับคนที่มองหารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่สมรรถนะสูงเทียบเท่ากับรถสปอร์ตต้องรุ่น Kalk (ราคาเริ่มต้น 550,000 บาท) เลย คันนี้ถึงแม้จะไม่สามารถขับลงถนนทั่วไปได้ แต่ทางวิบากในป่าหรือในสนามแข่งคันนี้พร้อมลุยได้หมด Kalk คือรถรุ่นแรกที่ทางแบรนด์คิดค้นขึ้นมา ด้วยแนวคิดที่ว่าใครๆ ก็ทำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขับขี่ในเมืองได้ แต่การจะทำรถให้แรงและขับสนุกมันเป็นไปได้ยาก แบตเตอรี่ตัวนี้เป็นเกรดพรีเมียม วิ่งในป่าได้ราวๆ 3-4 ชั่วโมง ความเร็วสูงสุดคันนี้ทำได้มากกว่า 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ใครที่อยากสปอร์ตขั้นสุด เราแนะนำให้ไปที่ Kalk OR (ราคาเริ่มต้น 620,000 บาท) ที่มาพร้อมระบบกันสั่นสะเทือนจาก Öhlins เน้นขับทางวิบากแบบสุดๆ

รถของ CAKE ทุกคันสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน CAKE Connect เพื่อสามารถดูการทำงานของรถได้ และยังสามารถปรับแต่งได้ทั้งเบรกและสปีดจากในแอปได้เลย

ใครที่สนใจอยากได้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสมรรถนะดี ดีไซน์มีเอกลักษณ์ แถมอายุการใช้งานยาว แนะนำให้มาดู CAKE เลย โชว์รูปเขาอยู่หัวมุมถนนเจริญกรุง 43 หรือเยื้องๆ กับอาคารไปรษณีย์กลาง บางรัก

RideCake_Thailand