การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำสหรัฐฯ ที่สมาคมไรเฟิลแห่งชาติสหรัฐฯ (NRA) เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างกระแสต่อต้านและความไม่พอใจให้แก่ชาวฝรั่งเศสและชาวอังกฤษเป็นจำนวนมาก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ แนะนำให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศปรับแก้กฎหมายปืนให้มีความเข้มงวดน้อยลง ซึ่งอาจช่วยไม่ให้เกิดเหตุก่อการร้ายอย่างในปารีสเมื่อปี 2015 และเหตุคนร้ายใช้มีดแทงผู้คนในลอนดอนอย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา
“ถ้าประชาชนเข้าถึงอาวุธ มีอาวุธอยู่ในมือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง”
ทางด้าน นายบรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีเศรษฐกิจและการเงินของฝรั่งเศส ออกมาแสดงความเห็นว่า “ฝรั่งเศสภูมิใจที่เราเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายปืนที่เข้มงวด ผมหวังว่าผู้นำสหรัฐฯ จะออกมาถอนคำพูดและแสดงความเสียใจกับสิ่งที่ได้แนะนำมา เพราะนั่นทำให้ผมรู้สึกตกใจมาก และเขาไม่คู่ควรกับตำแหน่งผู้นำประเทศมหาอำนาจเลย”
รัฐบาลอังกฤษเคยประกาศบังคับใช้กฎหมายแบนการครอบครองปืนของพลเมืองอังกฤษนับตั้งแต่เหตุกราดยิงในโรงเรียนเมื่อปี 1996 อาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุส่วนใหญ่จึงเป็นมีดหรือยานพาหนะ
ทรัมป์ระบุว่า “พวกเขาไม่มีปืน พวกเขาก็เลยใช้มีดแทน พื้นโรงพยาบาลจึงนองไปด้วยเลือดขนาดนั้น พวกเขาเล่าว่ามันเลวร้ายเหมือนกับพื้นที่ในโรงพยาบาลกลายเป็นเขตสงคราม เพราะมีด มีด มีด”
ด้าน ศาสตราจารย์คาริม โบฮี ศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาล Royal London กล่าวว่า “มีมากมายหลากหลายวิธีที่เราจะใช้ต่อสู้กับความรุนแรง แต่การแนะนำให้ใช้อาวุธปืนมาแก้ไขปัญหาความรุนแรงจากมีดเป็นเรื่องที่ตลกสิ้นดี
“ถึงแม้ว่าแผลจากกระสุนปืนจะเล็กกว่าแผลจากมีดแทงราวๆ 2 เท่า แต่ก็ทำให้คนตายได้เหมือนกัน อีกทั้งยังมีวิธีรักษาที่ยากมากกว่าอีกด้วย”
โดยคำแนะนำดังกล่าวอาจส่งผลต่อท่าทีของรัฐบาลทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ เนื่องจากทรัมป์มีกำหนดการจะเดินทางเยือนอังกฤษอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กรกฎาคมที่จะถึงนี้
อ้างอิง: