กรณีที่ช่วงคืนวันที่ 13 ธันวาคม กิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ออกมาโพสต์แสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุข้อความว่า ‘เลิก Program Trading…จะดี’ จนเกิดเป็นกระแสในแวดวงตลาดทุน ซึ่งมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
แมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กรณีที่ต้องการให้ยกเลิก Program Trading นั้น ในความเห็นส่วนตัวมองว่าคงต้องศึกษาพิจารณาหาเหตุผลและความจำเป็นว่าควรยกเลิกหรือไม่
เนื่องจากทุกเครื่องมือต่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีของ Program Trading คือเป็นเครื่องมือที่มีการใช้กันทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์ชั้นนำของโลกทุกแห่งที่นำมาใช้ช่วยส่งคำสั่งการซื้อ-ขายแทนคน
ยกตัวอย่างเช่น กรณีของ Goldman Sachs ซึ่งก่อนหน้านี้มีจำนวนพนักงานที่ใช้ส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้นทั่วโลกจำนวนมากกว่า 1,000 คน แต่ปัจจุบันลดจำนวนพนักงานเหลือเพียงประมาณ 6 คนเท่านั้นเพื่อทำการซื้อ-ขายหุ้นทั่วโลก ซึ่งต้องดูแลครอบคลุมทำการซื้อ-ขายหุ้นเป็นจำนวนหลักพันบริษัท ดังนั้นจึงนำ Program Trading มาเป็นเครื่องมือหนึ่งในการช่วยส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น ขณะที่การกำหนดไอเดียหรือกลยุทธ์การลงทุนยังมาจากตัวนักวิเคราะห์หรือผู้จัดการกองทุน
“หากมีการยกเลิกการใช้ Program Trading คงต้องถามว่านักลงทุนต่างชาติจะลงทุนได้อย่างไร เพราะตอนนี้ต่างชาติใช้คนน้อยมากในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้น ปัจจุบันทำให้นักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนการใช้ Program Trading สัดส่วนกว่า 90% แล้ว”