เริ่มแล้ว สำหรับงานเชฟส์เทเบิล The Unexpected Chef’s Table by #GrabThumbsUp ที่มาในคอนเซปต์ East Meets West จาก GrabFood หลังคว้าตัว 4 เชฟจากร้านมิชลินอันดับต้นๆ ของเมืองไทยมาทำอาหารร่วมกัน ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงเชฟส์เทเบิลครั้งนี้ เป็นการเสิร์ฟอาหารสไตล์ตะวันตกและตะวันออกในมื้อเดียว โดยจะเป็นการจับคู่กันของสองเชฟที่ปรุงอาหารต่างสัญชาติ ที่ทำงานร่วมกันในแต่ละคอร์ส ไม่ได้เป็นการที่ต่างคนต่างทำ แล้วเสิร์ฟสลับกัน ความน่าตื่นเต้นจึงอยู่ตรงนี้
อย่างคู่ที่เราได้มาลอง ได้แก่ เชฟปริญญ์ ผลสุข จากร้านวิลาศ (VILAS) ที่เราเองก็ชื่นชอบฝีมือการทำอาหารของเชฟปริญญ์อยู่แล้ว เมื่อมาเจอกับเชฟอิตาเลียนอย่าง เชฟ Manuelo Pintore จาก Giglio Trattoria Fiorentina ที่เป็นอาหารอิตาเลียนแถบทัสคานี ซึ่งเราเองก็แวะเวียนไปกินบ่อย ก็ยิ่งอยากรู้ว่าเมนู 11 คอร์สนั้นจะออกมาเป็นอย่างไร
เชฟปริญญ์ ผลสุข จากร้านวิลาศ (VILAS) เชฟ Manuelo Pintore จาก Giglio Trattoria Fiorentina
พาสต้าเส้น Pici มัสมั่นหมูป่าจากทัสคัน
มื้อนั้นเราได้ลองออร์เดิร์ฟอย่าง Cold Cut และไส้กรอกอีสานที่ทำจากหมูบ้านเรา มีข้าวตังหน้าตับพิราบ แกงจืดกุ้งลายเสือใส่แป้งก้อนอิตาลีหรือ Gnocchi แทนสาคู มีพาสต้าเส้น Pici เส้นอวบอ้วนมาคลุกกับมัสมั่นหมูป่าจากทัสคัน ซี่โครงย่าง แจ่วลาวและแจ่วอิตาลี ยำถั่วขาวปลาทูน่ามังคุดคัด ไอศกรีมริคอตตากับโอเลี้ยง ฯลฯ จะเห็นว่าทุกจานมีส่วนประกอบของอาหารตะวันตกและออก ที่ทำออกมากลมกล่อมเอามากๆ
Cold Cut และไส้กรอกอีสาน และแกงจืดกุ้งลายเสือใส่แป้งก้อนอิตาลีหรือ Gnocchi
ยำถั่วขาวปลาทูน่ามังคุดคัด
ซี่โครงย่าง แจ่วลาว และแจ่วอิตาลี
นอกจากคู่นี้แล้ว เชฟส์เทเบิลครั้งนี้ยังมีคู่ของเชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ จากร้านบ้านเทพา และ เชฟชุน-ชุนซุเกะ ชิโมมูระ จากร้าน Resonance ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 24 และ 25 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะเป็นเชฟรุ่นใหม่กันทั้งคู่ น่าจะมีมุมมองอาหารที่มาจอยกันแล้ว เกิดเป็นรสชาติใหม่ๆ ที่คงไม่ได้เห็นบ่อยนัก
แต่ถ้าใครพลาดดินเนอร์ครั้งนี้ เราก็ยังเอ็นจอยกับอาหารมิชลินราคาพิเศษได้ เพราะมีส่วนลดถึง 30% หากใช้บริการ Dine-in (หรือการกินที่ร้าน) ของ GrabFood ที่มีให้เลือกว่า 140 ร้าน ซึ่งเราลองไถดูเล่นๆ แล้วมีทั้งร้าน 26Braised Beef, Giglio Trattoria Fiorentina, Indus, 100 Mahaseth, Vaso, ศรีตราด ฯลฯ