วิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2566 โดยแสนสิริมีกำไรสุทธิที่ 4,760 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) เป็นกำไรสุทธิเฉพาะไตรมาส 3 จำนวน 1,557 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน)
โดยส่วนหนึ่งมาจากการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมทุน โดยเฉพาะการร่วมทุนกับบริษัท โตคิว คอร์ปอเรชั่น และการควบคุมและบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งแสนสิริมีแผนพัฒนาโครงการร่วมทุนกับพาร์ตเนอร์ต่างๆ มากขึ้นในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กลับมาอีกครั้ง! ‘หุ้นกู้ดิจิทัลแสนสิริ’ อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี ลงทุนสั้น 2 ปี จองซื้อขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
- ‘แสนสิริ’ ทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งใหญ่ จัดตั้ง 2 สายงานใหม่ แต่งตั้งให้ Top 2 ผู้บริหารคนสำคัญดูแล…
- แสนสิริชูกระแสเงินสดแกร่ง สภาพคล่องกว่า 16,000 ล้านบาท เตรียมชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนด ต.ค. นี้
และที่สำคัญคือกำไรในงวด 9 เดือนนี้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 39 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และมากกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปีก่อนที่ 4,280 ล้านบาท สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของบริษัท เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอนาคต และนับเป็นผลการดำเนินงานที่เติบโตตาม Business Direction ที่วางไว้
ขณะที่รายได้รวมรอบ 9 เดือน อยู่ที่ 28,047 ล้านบาท (คิดเป็น 70% ของเป้าทั้งปี ที่ 40,000 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นรายได้รวมเฉพาะไตรมาส 3/66 ที่ 9,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง
โดยเฉพาะโครงการบ้านเดี่ยวที่แสนสิริเป็นเจ้าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในระดับลักชัวรี เช่น นาราสิริ พหลข วัชรพล บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรีที่ทำยอดขายดีเกินคาด และบูก้าน เอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ 3 ชั้น ใน Sansiri Luxury Collection ทั้งโครงการบูก้าน กรุงเทพกรีฑา และบูก้าน พัฒนาการ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี รวมถึงเศรษฐสิริ ดอนเมือง โครงการแรกจากการรุกแบรนด์บ้านเดี่ยวเศรษฐสิริ 10 โครงการใหม่ในปีนี้ ที่ทำผลงานการเริ่มต้นการรุกแบรนด์ได้ดี
รวมถึงกระแสตอบรับที่ดีจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move เป็นอีกหนึ่งสัญญาณการฟื้นตัวของตลาดคอนโด และเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในตลาด Real Demand ในไตรมาส 3 แสนสิริเปิดโครงการเนีย บาย แสนสิริ เป็นโครงการ Ready to Move ซึ่งสามารถขายและรับรู้รายได้ได้ทันที
“จากเป้ารายได้ทั้งปีที่ 40,000 ล้านบาท ซึ่งงวด 9 เดือน เราบันทึกรายได้รวมไปแล้ว 28,047 ล้านบาทนั้น รายได้ที่เหลืออีกราว 12,000 ล้านบาท จะมาจาก Backlog ของบ้านและคอนโดที่ขายแล้วและกำลังทยอยส่งมอบ รวมถึงจากการขายโครงการใหม่ เช่น เนีย บาย แสนสิริ และเศรษฐสิริ 5 โครงการใหม่
“ในช่วงสุดท้ายของปีคาดว่าจะมีปัจจัยบวกจากการที่ลูกค้าเร่งตัดสินใจซื้อและโอนที่อยู่อาศัยก่อนหมดอายุมาตรการกระตุ้นอสังหาในปลายปี อีกทั้งเป็นช่วงสำคัญจากการที่ลูกค้าจะมองหาและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ รวมถึงการจัดแคมเปญต่างๆ ของผู้ประกอบอสังหาและสถาบันการเงินจะช่วยกระตุ้นยอดขายปลายปีได้ โดยแสนสิริเตรียมความพร้อมรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในทุกเซ็กเมนต์ ด้วยแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 4 รวม 22 โครงการ มูลค่า 36,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 14 โครงการแนวราบ 24,500 ล้านบาท และคอนโด 8 โครงการ มูลค่า 11,600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าแสนสิริจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่กับผลประกอบการที่ดีที่สุดในรอบ 39 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท” วิชาญกล่าว