อิสราเอลถูกนานาชาติกดดัน หลังการสู้รบในพื้นที่ใกล้โรงพยาบาลกาซารุนแรงขึ้น

อิสราเอลกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากนานาชาติ หลังการสู้รบในพื้นที่ใกล้กับเขตโรงพยาบาลหลายแห่งในฉนวนกาซามีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะปฏิบัติการปิดล้อมโรงพยาบาลอัลชิฟาเต็มรูปแบบที่มีการปิดกั้นเส้นทางเข้า-ออก เป็นเหตุให้มีพลเรือนติดอยู่ภายในโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก โดยที่กองทัพอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีใส่พื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการของกลุ่มติดอาวุธฮามาส

ด้าน มูฮัมหมัด อาบู ซัลมิยา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัลชิฟา ระบุว่า พื้นที่บริเวณโดยรอบโรงพยาบาลกลายเป็นสนามรบ โดยเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ให้คำมั่นว่าพวกเขาจะอยู่กับผู้ป่วยจนถึงวินาทีสุดท้าย เพราะทุกคนต่างทราบดีว่าถ้าบรรดาเจ้าหน้าที่อพยพออกจากโรงพยาบาล นั่นแปลว่าผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยจะต้องเสียชีวิต

กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาระบุว่า สถานการณ์การสู้รบทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังกองทัพอิสราเอลโจมตีใส่พื้นที่เขตโรงพยาบาลอัลชิฟาตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ (10 พฤศจิกายน) จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 13 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ซึ่งเหตุโจมตีดังกล่าวทำให้กองทัพอิสราเอลได้รับเสียงประณามอย่างมาก และขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาสูงกว่า 11,000 คนแล้ว

อย่างไรก็ตาม อิสราเอลออกมาปฏิเสธ โดยระบุว่า เหตุโจมตีโรงพยาบาลและพื้นที่โดยรอบที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้อยู่ในวิถีการโจมตีของกองกำลังอิสราเอลแต่อย่างใด พร้อมทั้งอ้างว่าเป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธฮามาสเอง

ขณะที่ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส หนึ่งในผู้นำที่ติดตามสถานการณ์การสู้รบในฉนวนกาซาอย่างใกล้ชิด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ว่า ตัวเขาประณามการก่อการร้ายของกลุ่มฮามาสอย่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกัน ทางการอิสราเอลเองก็จำเป็นต้องยุติการทิ้งระเบิดโจมตีฉนวนกาซาจนทำให้มีพลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน

ทางด้าน เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ระบุว่า ประชาคมโลกควรประณามกลุ่มฮามาส ไม่ใช่อิสราเอล อาชญากรรมที่กลุ่มฮามาสได้ก่อขึ้นในฉนวนกาซาวันนี้จะเกิดขึ้นในกรุงปารีส ในนครนิวยอร์ก และเมืองอื่นๆ ของโลกในอนาคตอันใกล้ และแม้จะมีความพยายามในการหยุดยิงวันละ 4 ชั่วโมงเพื่ออพยพผู้คนออกจากฉนวนกาซา แต่อิสราเอลก็ยังคงยืนยันที่จะไม่มีการหยุดยิง

ภาพ: Mohammed Al-Masri / File Photo / Reuters

อ้างอิง: