วิกฤตสิ่งแวดล้อม ต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งสูง ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาตลาดโซลาร์เซลล์ในไทยเติบโตร้อนแรงไม่แพ้แสงแดดและค่าไฟ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาคือ การตื่นตัวของบรรดาผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ที่กระโดดเข้ามาแข่งขัน คว้าโอกาสกันมากมาย
แม้ในระยะสั้นตลาดจะยังดูสดใส แต่การจะปลุกปั้นธุรกิจให้เติบโตท่ามกลางความท้าทายจากคู่แข่งรายใหญ่ พละกำลังมากกว่า พร้อมสายป่านที่ยาวกว่า นับเป็นโจทย์ที่ผู้ประกอบการไซส์เล็กถึงกลางจำเป็นต้องเจอ อยู่ที่ว่าใครจะสร้างคุณค่าของธุรกิจที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าได้มากกว่ากัน
ธวัลรัตน์ ฉัตรจุฑานนท์ ผู้ก่อตั้ง Electronmove ธุรกิจที่ให้บริการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และวางแผนระบบพลังงานสำหรับบ้านพักอาศัย เล่าถึงกลยุทธ์ในการสร้างคุณค่าสู่ธุรกิจ ‘จริงใจกับลูกค้าและใส่ใจในบริการหลังการขาย’ ซึ่งทำให้ผลประกอบการของบริษัทในขวบปีที่ 3 กลายเป็นที่สุดแห่งความภาคภูมิใจ
“3 ปีที่ผ่านมา Electronmove สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 100% ในทุกๆ ปี ในฐานะผู้ประกอบการขนาดย่อม ตัวเลขเหล่านี้เป็นทั้งความภาคภูมิใจ และกลายเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า การทำธุรกิจโดยเอาผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้งทำให้เรามาถึงวันนี้ สำหรับเป้าหมายต่อไป เราอยากให้ธุรกิจเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตั้งเป้าเอาไว้ว่าในปีที่ 5 เราอยากไปให้ถึง 250 ล้านบาท”
จากอู่แท็กซี่สู่ผู้ให้บริการด้านพลังงานสะอาด
วิกฤตโลกร้อนและพลังงานสะอาดเป็นประเด็นที่เธอสนใจตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย แต่เมื่อ 15 ปีก่อนตลาดยังไม่เกิด พอช่วงที่เรียนจบเป็นจังหวะที่กิจการอู่แท็กซี่ของครอบครัวกำลังเผชิญกับการแข่งขันอันดุเดือด เผชิญวิกฤตขาดทุนอย่างหนัก เธอจึงเข้ามาช่วยสานต่อและปรับเปลี่ยนธุรกิจ โดยใช้ประสบการณ์ของช่างซ่อมรถแท็กซี่มาสู่ธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์
จากการทรานส์ฟอร์มในวันนั้นทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตต่อมาจนมาเจอจุดเปลี่ยนอีกครั้ง เมื่อธวัลรัตน์เริ่มเห็นสัญญาณการเกิดขึ้นของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย
“บทเรียนจากวิกฤตของธุรกิจครอบครัวที่เคยเกิดขึ้น คอยย้ำให้เราตื่นตัวอยู่เสมอ ถ้าเรายังปักหลักทำอู่ซ่อมรถเพียงอย่างเดียว เมื่อโลกเปลี่ยนเราก็จะไปไม่รอด พอดีตอนนั้นเราเห็นรถยนต์ไฟฟ้า MG เพิ่งเข้าไทยเป็นตัวแรก ประกอบกับตัวเองชอบติดตามบทความ ยูทูบจากต่างประเทศอยู่แล้ว ก็เลยเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะต้องเกิดอย่างแน่นอน จากรถยนต์ไฟฟ้าที่เราเห็นในวันนั้น จึงนำมาสู่แผนขยับขยายธุรกิจจนเกิดเป็น Electronmove”
Check-Charge-Change
สำหรับการให้บริการของ Electronmove ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ภายใต้คอนเซปต์ Check-Charge-Change
1. Check คือบริการดูแลซ่อมบำรุงในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า
“ในวงการอู่ซ่อมรถยนต์เราน่าจะเป็น SMEs อันดับต้นๆ ที่เริ่มขยับเรื่องนี้ โดยเราส่งช่างซ่อมของที่อู่ไปเทรนนิ่งเพิ่มเติมเรื่องวัสดุ ชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงแบตเตอรี่ทางเลือก ถึงวันนี้ตลาดยังเป็นช่วงเริ่มต้น คนใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังไม่เข้ามาซ่อมที่อู่ แต่ในอนาคตเมื่อคนเริ่มใช้กันมากขึ้น อู่ที่สามารถซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าได้ ย่อมมีความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างแน่นอน เราจึงเตรียมทีมให้พร้อมตั้งแต่เนิ่นๆ”
2. Charge คือบริการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
“อีกไม่นานรถยนต์ไฟฟ้าจะเต็มท้องถนน แน่นอนว่าระบบชาร์จไฟตามบ้านจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เรามีช่างที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญพร้อมให้บริการ ทั้งยังผ่านการติดตั้งให้รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ระดับโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Audi, Porsche, Tesla, MG หรือ GWM”
3. Change คือบริการวางแผนด้านพลังงานสะอาด และติดตั้งแผงโซลาร์ให้กับที่อยู่อาศัย
“สิ่งที่เราทำคือ เราเลือกพลังงานสะอาดให้เหมาะกับการใช้งานของลูกค้า โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ติด Top 5 ของโลก สิ่งที่เป็นพระเอกของธุรกิจเราในตอนนี้คือ โซลาร์รูฟท็อป แต่ในอนาคตอาจมีพลังงานลมและพลังงานไฮโดรเจน รวมถึงแบตเตอรี่ทางเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราติดตามและศึกษาอยู่ตลอดเวลา”
เจาะตลาด Niche เติบโตด้วยคุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า
ถึงจะเป็นผู้ประกอบการไซส์ SMEs ก็สำเร็จได้หากแม่นยำในการเจาะตลาด ธวัลรัตน์เล่าถึงคีย์ของความสำเร็จในช่วง 3 ปีของการริเริ่ม Electronmove ด้วยการเลือก ‘ทิ้ง’ ในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง และเลือก ‘ทำ’ ในตลาดที่มีศักยภาพ
“ก่อนจะกระโดดเข้ามาทำธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์ มีผู้ประกอบการเจ้าใหญ่ๆ อยู่มากมาย แต่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจ B2B ถ้าไม่ทำโซลาร์ฟาร์ม ก็รับติดตั้งให้กับโรงงานหรือสำนักงานขนาดใหญ่ เราจึงเลือกเจาะตลาดแคบลงมา แต่ยังมีโอกาสในการเติบโตสูง โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัย รวมถึงตามหมู่บ้านที่มีศักยภาพ”
1. เลือกสินค้าที่ดีจากทั่วทุกมุมโลก
“เราเลือกสินค้าที่ดีที่สุดมาติดตั้งให้ลูกค้า อย่างเช่นไมโครอินเวอร์เตอร์จากแบรนด์ Enphase ซึ่งติดอันดับ Top 5 โลก สิ่งที่ต้องแลกมาคือความเสี่ยงที่ลูกค้าอาจไม่เลือกเรา เพราะราคาเฉลี่ยสูงกว่าแบรนด์ที่เจ้าอื่นๆ เลือกใช้ราว 15-20% แต่ด้วยมาตรฐานคุณภาพ ลูกค้าไม่ต้องมาจุกจิกกับการแก้ปัญหา ใช้งานระยะยาวคุ้มค่า โดยมีอายุการใช้งานนานถึง 25 ปี”
2. ขายอย่างจริงใจ ไม่ยัดเยียด
“คนส่วนใหญ่เลือกติดตั้งแผงโซลาร์กับเรา เพราะเชื่อว่าเราไม่หลอกลวงหรือเอาแต่ขายตรงเพียงอย่างเดียว ยิ่งในยุคนี้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างง่ายดาย การขายของเราจึงเน้นที่การให้ข้อมูลที่ละเอียด ชัดเจน และจริงใจ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าที่สุดในการลงทุน ใช้แผงโซลาร์ยี่ห้อไหน ไมโครอินเวอร์เตอร์แบรนด์ไหน รวมถึงอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง เราบอกหมดทุกรายละเอียด นี่คือความจริงใจที่ทำให้เราได้ใจมาจากลูกค้า”
3. ประโยชน์ของลูกค้ามาก่อนกำไร
“หลายธุรกิจตกม้าตายเพราะบริการหลังการขายห่วย เราจึงเน้นให้ความสำคัญกับบริการหลังการขายเป็นอย่างมาก ในยุค PM2.5 เราเข้าล้างแผงโซลาร์ปีละ 2 ครั้ง หากระบบขัดข้อง ไม่ทำงาน เรารับประกันเข้าถึงพื้นที่ภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้แม้ว่าคู่แข่งจะลงทุนใช้อุปกรณ์แบรนด์เดียวกับเรา แต่ก็อาจแพ้เราที่บริการหลังการขาย เพราะเราเชื่อว่าการสร้างความประทับใจทำให้เขาแนะนำคนอื่นๆ ต่อ คุ้มยิ่งกว่าการเร่งทำกำไรในระยะสั้น”
และนี่คือ 3 หลักคิดในการดำเนินธุรกิจ Electronmove ที่มีอายุเพียง 3 ปี แต่รายได้เติบโตสู่ระดับเกือบร้อยล้านบาท ทั้งยังครองอันดับ 1 ของผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์ระบบไมโครอินเวอร์เตอร์แบรนด์ Enphrase ในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังทิ้งท้ายบทเรียนสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่ฝันอยากให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย ‘คุณค่าที่ส่งมอบให้ลูกค้า’
“จริงใจและแบ่งปันสำคัญที่สุด ยุคนี้ไม่ใช่ยุคแห่งการเอาแต่ขาย หรือมุ่งทำแต่กำไร ธุรกิจที่จะเติบโตได้ต้องรู้จักแบ่งปัน และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ทุกวันนี้เวลาได้เรียนรู้เรื่องอะไรใหม่ๆ เรามักจะเขียนเล่าหรือทำคอนเทนต์ลงในโซเชียลมีเดียเพื่อแชร์ให้กับเพื่อนๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน แล้วในที่สุด คนที่เห็นประโยชน์จากสิ่งที่เราทำหรือเชื่อในตัวเราก็จะเลือกมาใช้บริการกับเรา หรือเลือกให้เราไปเป็นพาร์ตเนอร์ธุรกิจด้วย”
สนใจบริการของ Electronmove หรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ www.electronmove.co.th หรือ โทร. 09 3659 4545