‘อยากสวย’ ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งในวัย 20 แม้ด-ชาคริยา ภูมิพัฒน์ธนสกุล ตัดใจตบเท้าอย่างหนักแน่นเข้าสู่วงการสุขภาพด้วยความมุ่งมั่นที่จะพิชิตรูปร่างที่ใฝ่ฝัน เธอศึกษาค้นคว้าหาทุกวิถีทางที่จะช่วยผลักดันให้เธอมีหุ่นดีตามที่ใจหวัง ซึ่งนั่นรวมไปถึงการมีไลฟ์สไตล์ฟิตหุ่นสุดโต่ง
ไม่ว่าจะการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง ควบคุมเรื่องโภชนาการอย่างจริงจังจนร่างกายประท้วง การทุ่มสุดตัวให้กับงานทั้งในบทบาทเทรนเนอร์ โค้ชสอนวิ่ง และการก่อตั้งเพจ See You Fit Girl ที่รวมสาระดีๆ เรื่องสุขภาพรวมถึงบันทึก Body Journey ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักอย่างทั่วถึงในวงการสายฟิต
ความพยายามลองผิดลองถูกมาตลอดหลายปีทำให้เธอพิชิตหุ่นในฝันได้อย่างสมใจ ทว่าวันนี้ที่เธอก้าวเข้าสู่วัย 31 เธอได้งานใหม่ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล…ซึ่งก็คือ ‘การเป็นคุณแม่’ รูปร่างที่เคยฟิตกลับพัง แตกลาย และหย่อนยาน ฮอร์โมนแปรปรวนจากภาวะหลังคลอด ความเหนื่อยล้าที่ต้องเผชิญตลอดคืนวันจากงานใหม่ที่ลาออกไม่ได้นี้ทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวเองไปเกือบ 3 ปี ทว่าตลอดวันคืนที่เธอได้กลายมาเป็นคุณแม่ เธอไม่เคยที่จะละทิ้งความพยายามในการดูแลตัวเอง
เธอยังเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ความมุ่งมั่น ความพยายาม และเวลา จะช่วยให้เธอกลับไปเป็นแม้ดในเวอร์ชันที่แข็งแรงกว่าเดิมและดีที่สุดในแบบของตัวเองได้
มาดูกันว่าเรื่องราวของเธอจะสร้างกำลังใจและพลังบวกให้บรรดาคุณแม่ รวมถึงผู้หญิงทุกคนที่กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อที่จะเป็น The Best Version ของตัวเองได้มากแค่ไหน ใน Passion Calling x SHISEIDO with Mad – See You Fit Girl
ปัจจุบันแม้ดทำอะไรอยู่บ้าง
ตอนนี้เป็น Content Creator สายฟิตเนสและเป็นโค้ชของ adidas ก็คือสอนนักวิ่งเรื่องของความแข็งแรงต่างๆ เวตเทรนนิ่ง การออกกำลังกาย และเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง
อะไรทำให้แม้ดจู่ๆ หันมาใส่ใจเรื่องของสุขภาพจนมาถึงการเป็นเทรนเนอร์ได้
มันเริ่มจากตัวเองนี่แหละ เริ่มจากความอยากสวยของเรา ซึ่งการที่เรามาอยู่ในวงการนี้ มาเป็นเทรนเนอร์ และทำเพจ ทุกสิ่งมาเริ่มมาตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว เราเริ่มออกกำลังกาย เนื่องจากเราอยากดูแลตัวเองให้สวยขึ้นและอยากจะหุ่นดีตามประสาเด็กอายุ 20 ที่เราอยากจะสวยเหมือนเพื่อน สวยเหมือนดารา เหมือนคนที่เราเห็นแล้วมันก็เริ่มมาจากตรงนั้น
แล้วเราเป็นคนที่ทำอะไรจริงจังมาก เลยไปเรียนเทรนเนอร์ ออกกำลังกายจริงจัง และได้สอนคนอื่นด้วย จากนั้นเราก็ผ่าน Struggle อะไรมามากมายทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะแชร์ Journey ของเรา เลยเกิดเพจ See You Fit Girl ขึ้น
Struggle ที่ว่าในช่วงนั้นเป็นอย่างไร
ต้องบอกก่อนว่าผู้หญิงในแต่ละวัยมันมีปัญหาที่มันไม่เหมือนกันเลย อย่างเราในวัยประมาณ 20 ก็คือช่วงมหาลัย อย่างแรกในช่วงนั้นเราไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง เรารู้สึกว่าอย่างไรเราก็ยังสวยไม่พอ เราอยากที่จะสวยมากกว่านี้ หุ่นดีมากกว่านี้ เราถึงจุดที่ว่าออกกำลังกายหนักมากๆ จนหุ่นดีแล้ว จากนั้นมันก็เป็นความรู้สึกว่ามันยังไม่พอ มันตึงเกินไปจนทำให้สุดท้ายเกิดภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Binge Eating โรคกินไม่หยุด หรือว่าหุ่นเราที่มันกลายเป็นหุ่นล่ำ
View this post on Instagram
ซึ่งเรารู้สึกว่าไม่มีใครพูดถึงสิ่งนี้เลยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เกี่ยวกับรูปร่างของผู้หญิงหรือว่า Journey การดูแลตัวเองของผู้หญิง ก็เลยทำเพจขึ้นมาเพื่อแชร์สิ่งที่เราพบเจอในตอนนั้น
แล้วแม้ดจัดการและรับมือกับ Struggle ตอนนั้นอย่างไร
ตอนแรกเราก็หาทุกวิธีในอินเทอร์เน็ต เทรนเนอร์ต่างๆ หรือว่าคอร์สเรียน ก็ไม่มีคนตอบคำถามตรงนี้ ดังนั้นเราเลยวิเคราะห์ตัวเองเอา ซึ่งก็คือตามประสาเด็กอายุ 20 ที่เราก็เพิ่งเรียนรู้เหมือนกัน ตอนนั้นเราคิดว่าการออกกำลังกายและการกินคลีนคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุดในการดูแลสุขภาพ แต่ปรากฏว่าพอเราทำมันเรื่อยๆ จนมันเยอะจนเกินไป เราก็ตอบคำถามกับตัวเองได้ว่า ถ้ามันดีจริงแล้วทำไมเราถึงมาอยู่จุดนี้…ตอนนี้ที่เราเป็น
พอแม้ดรู้จักตัวเองมากขึ้นจากตรงนั้น ว่าเป็นเพราะเราทำสิ่งนี้เยอะเกินไปนั่นเอง มันเยอะเกินไปจนทำให้จากสิ่งที่ดีกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเรา เราก็เลยหยุดทุกอย่าง แล้วพอเราหยุด ก็คือหยุดออกกำลังกาย หยุดกินคลีน ปรากฏว่าทุกสิ่งดีขึ้น เพราะฉะนั้นในวัยนั้นเราก็เลยเริ่มเรียนรู้เล็กๆ นะ เวลาทำอะไรอย่าทำให้มันจริงจังเกิน อย่าทำเยอะเกินไป เพราะสุดท้ายสิ่งนั้นแม้แต่ว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็สามารถทำร้ายเราได้เหมือนกัน
เรียกว่าตอนนั้นเหมือนเราแค่กลับมาใช้ชีวิตให้ปกติ
ถูกต้อง กลับมาใช้ชีวิตให้ปกติ ดูแลร่างกายจิตใจให้เฮลตี้ มีความสุขกับตัวเอง เพราะว่าตอนที่เราทำหนักๆ ไม่ว่าจะเป็นกินคลีนหรือออกกำลังกายมันกลับกลายเป็นว่ามันเป็นทุกข์มากกว่าเป็นสุข เวลาเรายิ่งทำเยอะ ยิ่งเหนื่อย ยิ่งกิน คือทุกสิ่งมันไม่ปกติไปหมด มันไม่ธรรมชาติ เราก็เลยตบตัวเองกลับมาอยู่ตรงกลางว่า โอเคเราลองกลับมามีชีวิตปกติไหม แล้วมันจะดีขึ้นไหม ปรากฏว่าอาการเหล่านั้นมันก็ดีขึ้น
แต่ว่าเราในวัยนั้นต้องบอกตรงๆ ว่ามันก็ไม่ได้ทำได้เต็มที่ หมายถึง 100% ที่แบบว่าหายเลย เรื่อง Binge Eating และเรื่องหุ่นเนี่ย ออนๆ ออฟๆ มาตลอดจนถึงวัยประมาณสัก 26 ซึ่งเราก็โอเค เราเริ่มเข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้น
ต้องบอกก่อนว่า Journey การดูแลตัวเองและร่างกายของผู้หญิงมันมีความซับซ้อนมากกว่าที่เราคิด เพราะฉะนั้นใครที่รู้สึกว่าทำไมฉันไม่ถึงจุดนั้นสักที จุดที่ฉันใฝ่ฝันหรือว่าเป้าหมายของฉัน คือจริงๆ แล้วมันมีปัจจัยอีกเยอะมากที่มันไม่ใช่ทางตรงเหมือนกับการแค่กินคลีนหรือออกกำลังกายแล้วคุณจะหุ่นดี
คำว่า ‘หุ่นดี’ ในแบบฉบับของแม้ดเองเป็นแบบไหน
หุ่นดีคือหุ่นที่เราชอบตัวเอง เพราะฉะนั้นมันอยู่ที่ว่าเราชอบตัวเองในเวอร์ชันไหน ตอนไหน อย่างในตอนนี้เราก็ยังรู้สึกว่าเราหุ่นยังไม่ดีพอ แต่เราโอเคกับตัวเอง เพราะว่าเรารู้ว่าเราอยู่ในจุดไหนของชีวิต…เราเป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็รู้อีกว่าเราสามารถไปถึงจุดไหนได้ที่เราจะเป็นคนหุ่นดีในสายตาของเราเอง สุดท้ายแล้วมันอยู่ที่ตัวเองว่าหุ่นดีตรงนั้นคุณให้คำจำกัดความกับมันว่าอะไร
เคยมีความกดดันจากคนอื่นไหมว่าคนนี้เขาหุ่นแบบนี้ ฉันอยากได้แต่ไม่ได้
อันนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตอนอายุ 20 ต้นๆ ก็คือช่วงที่ทำ See You Fit Girl นั่นแหละ เป็นช่วงที่ยังไม่เข้าใจจริงๆ ว่ารูปร่างของผู้หญิงแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน มันมีโครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน แล้วระบบภายในแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่เราไม่สามารถเป็นเขาได้แน่นอน 100% แล้วมันทำให้เราซัฟเฟอร์
อย่างเช่น แม้ดเปรียบเทียบง่ายๆ ผู้หญิงเราเนี่ยแต่ละคนมีโครงร่างที่ไม่เหมือนกัน ถ้าเราเกิดมาเป็นคนโครงใหญ่ ไหล่กว้างแบบแม้ด หุ่นนักกีฬา คุณอยากจะลดแล้วกลายเป็นสาวตัวเล็ก มันเป็นไปไม่ได้ แต่ในตอนนั้นเราคิดว่าถ้าเรามีวินัยมากพอ เราพยายามมากพอมันเป็นไปได้ ประมาณนั้น ซึ่งถ้าเราไม่เข้าใจตรงนั้นมันก็จะทำให้เราซัฟเฟอร์
จนมาถึงปัจจุบันที่ได้มาเป็นคุณแม่ เล่าให้ฟังหน่อยว่าเริ่มแต่งงานมีครอบครัวตั้งแต่เมื่อไร
แม้ดแต่งงานตั้งแต่ตอนอายุ 27 ปี ซึ่งแม้ดก็จะบอกว่าเราค่อนข้างพร้อมกับสิ่งนี้นะ เพราะว่าเราแพลนการแต่งงานล่วงหน้า แม้ดคบกับแฟนมา 12 ปี แล้วเราก็แพลนล่วงหน้าว่าเราจะมีลูกตอนปีไหน คือทุกสิ่งอย่างได้ผ่านการวางแผนมาเรียบร้อยแล้ว แล้วเราก็ทำได้ตามนั้นเป๊ะๆ ตามไทม์ไลน์ที่เราต้องการ แต่ปรากฏว่ามันมีเรื่องราวที่เราคาดไม่ถึงอีกมากมายกับการเป็นแม่คน มันยากกว่าที่เราคิด หลายสิ่งหลายอย่างมันไม่สามารถควบคุมได้
View this post on Instagram
ความยากของการเป็นแม่คนคืออะไร
ความยากก็คือว่า เราเป็นแม่ครั้งแรกในชีวิต ดังนั้นเราไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราไม่มีทางรู้ว่าสิ่งที่ถูกสิ่งที่ผิดคืออะไร เราต้องใช้สัญชาตญาณของเราล้วนๆ และการเรียนรู้ลูกของเราในทุกวัน เพราะว่าเด็กคนหนึ่งเกิดมามันมีรายละเอียดมากมาย มันไม่ใช่ว่าเลี้ยงง่ายๆ เหมือนในหนัง เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างลูกแม้ดเนี่ยเกิดมาก็คือเป็นคนร้องเสียงดังมาก คือเรียกได้ว่าร้องเสียงดังที่สุดในโรงพยาบาลแล้ว แล้วการที่เด็กคนหนึ่งร้องอยู่ตลอดเวลามันยากมากที่เราจะทำให้จิตใจเราสามารถสงบได้ ไหนจะเรื่องการให้นม ไหนจะเรื่องการดูแลเขาประจำวัน
อย่างการให้นมเองอย่างนี้ เราจะต้องตื่นมาให้นมลูกทุก 2-3 ชั่วโมง ซึ่งเรื่องพวกนี้มันมีรายละเอียดที่มันเยอะมากๆ และเราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเราจะเจอสิ่งนี้ ดังนั้นมีอยู่ช่วงหนึ่งในชีวิตเราก็เลย Struggle กับการที่เราเลี้ยงลูกเหมือนกัน การที่เราเป็นแม่ครั้งแรก ต่อให้เราวางแผนมาเท่าไรบอกเลยว่ามันเหนือความคาดหมาย เราต้องเรียนรู้และปรับตามหน้างานทุกๆ วัน
อุปสรรคในการเลี้ยงลูกมีเยอะพอควร ด้วยความที่แม้ดเองก็อยากมีรูปร่างที่ฟิตอยู่ตลอดเวลา การเป็นแม่ส่งผลในด้านนี้อย่างไร
บอกเลยว่าการเป็นแม่เนี่ย ถ้าคุณโชคดีคุณก็จะไม่พัง แต่มันก็จะยังมีความพัง แต่ถ้าคุณโชคร้ายเหมือนแม้ด แม้ดขึ้นมา 20 กิโลกรัมตอนท้อง บอกเลยว่าร่างก็คือพังหมดเลย ท้องแตกรอบท้อง เรียกได้ว่าชีวิตเปลี่ยนไปเลยจากคนที่เรารักในรูปร่างและหุ่นของเรามากๆ เราชอบหน้าท้องตัวเองอะไรอย่างนี้
View this post on Instagram
พอหลังท้อง ส่องตัวเองในกระจกเราก็รู้สึกแบบ…‘นี่คือใคร’ เราไม่คุ้นกับผู้หญิงคนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมไปถึงฮอร์โมนภายในหรือแม้แต่อวัยวะภายใน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครพูดถึงว่าการเป็นแม่หนึ่งครั้ง การที่ร่างกายเราเปลี่ยนแปลงเนี่ยมันเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน
View this post on Instagram
ก็ทำใจแล้วก็เรียนรู้กับมันอยู่พักหนึ่ง ตอนที่ร่างกายเราแย่สุดๆ เราก็คิด เราก็นอยด์นะ มันเป็นเรื่องปกติของคนเราที่จะต้องนอยด์ แต่สิ่งหนึ่งที่เราคิดได้ก็คือว่า นี่มันคือการเป็นแม่ครั้งแรกของเรา และการที่เราสร้างคนหนึ่งคนขึ้นมามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ร่างกายเราต้องแบกรับอะไรเอาไว้เยอะ มันจะอยู่ช่วงหนึ่งที่เราไม่เหมือนตัวเองเลย 100% หน้าบวม ตัวบวม หน้าแก้มบวม เอาอย่างนี้มันไม่มีคำว่าสวยงาม มีแต่คำว่า ‘นี่คือมนุษย์แม่’ มันไม่เหมือนร่างกายผู้หญิงปกติ เพราะว่าร่างกายนี้เขามีหน้าที่เพื่อจะให้นมลูก เพื่อจะให้อาหารลูก ดูแลลูกให้เติบโต รูปลักษณ์ไม่ใช่เรื่องหลัก
เราเข้าใจและเราพยายามที่จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในช่วงหนึ่ง ดังนั้นความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ เราต้องค่อยๆ ยอมรับมันและรอเวลาที่มันจะค่อยๆ ฮีลตัวเอง เลยไม่ได้กดดันตัวเองมาก
View this post on Instagram
เรารู้ว่าจะมีช่วงที่เด็กต้องการเราที่สุดและเขาไม่ได้ต้องการเราแบบนี้ตลอด มันอาจเป็นแค่ 6 เดือนแรกหรือขวบปีแรกที่เราจะต้องให้ 100% กับเขา และเราอาจต้องวางเรื่องหุ่นหรือว่าเรื่องของตัวเองไว้บ้างในช่วงหนึ่ง
มีอุปสรรคไหนไหมที่คิดว่าหนักที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา
แม้ดคิดว่าจริงๆ แล้วเราเป็นคนที่ค่อนข้างควบคุมทุกสิ่งอย่างรอบตัวตั้งแต่อายุน้อยๆ เราเป็นเวิร์กกิ้งวูแมน ทำทุกได้ด้วยตัวเอง หาเงินได้เอง แต่ Struggle ที่สุดของการมีลูกคือ มันควบคุมไม่ได้ เด็กควบคุมไม่ได้ เพราะว่าเด็กแต่ละคนเขาไม่เหมือนกัน
พอเราคลอดลูกออกมาชีวิตคือเปลี่ยนแบบนี้เลย ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกเลยจาก 27 ปีที่เราเคยรู้จักตัวเองมา เราคือคนใหม่ สถานการณ์รอบตัวของเราใหม่ทั้งหมด ซึ่งตรงนี้แหละการที่เราเรียนรู้ในแต่ละวัน แล้วก็เรียกได้ว่าซัฟเฟอร์ไปกับมันในแต่ละวัน แต่ก็ทำให้เราเติบโตขึ้นด้วย
อีกสิ่งหนึ่งก็คือเรื่องฮอร์โมนหลังคลอดของผู้หญิงที่มันมีความตก ความดิ่ง บางคนถึงกับเป็นโรคซึมเศร้าระยะยาวเลยกับการเป็น Mama Blues ซึ่งแม้ดก็เจอ มันคือการที่เราไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้เลย แม้ดนั่งร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกที่จู่ๆ มันพรั่งพรูกระจายแตกออกมา
อยากจะบอกกับผู้หญิงทุกคนว่าตรงนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะมันคือกลไกร่างกายของเราจากที่ฮอร์โมนมันสูงมากๆ ตอนท้องแล้วตกลงมา คุณอาจจะรู้สึกว่าคุณไม่เป็นตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
ทุกวันนี้แม้ดสามารถบาลานซ์ 2 สิ่งได้ไหม ระหว่างการเป็นคุณแม่กับการ Be the better self
มันใช้เวลา ตอนแรกเนี่ยมันซัฟเฟอร์มาก เพราะว่าเราจะต้องทุ่มเทกับลูกเราตลอดเวลา 100% แต่พอลูกโตขึ้นมาเรื่อยๆ เดี๋ยวมันจะดีขึ้นเองตามเวลา
อย่างหนึ่งคือเราต้องมีเป้าหมายในตัวเองว่า ‘ฉันจะกลับมาเป็นตัวเอง’ อย่าลืมตัวเอง อย่าหลงลืมว่าเราเคยเป็นใครมาก่อนที่จะเป็นแม่ อย่าลืมว่าการเป็นแม่มันไม่ใช่เลเบลอย่างเดียวในชีวิตเรา แต่ว่าเรายังคงต้องเป็นตัวเองและทำหน้าที่ตัวเองอยู่ด้วย เราจะได้รักตัวเองและมีพลังในการใช้ชีวิต ทั้งในด้านที่เป็นโลกทำงานปกติและด้านที่เป็นแม่ด้วย
เราอย่าทิ้งตัวตนของตัวเอง เพราะว่าถ้าวันนี้เราตัดสินใจที่จะปลดปล่อยตัวตนของเรา สิ่งที่เราเคยเป็นทิ้งไปแล้ว มันจะเดินกลับมาจุดนี้ด้วยยากมาก มันจะหลงลืมตัวเองได้ง่าย พอพูดไปแล้วจะทำให้ตัวเองดูไม่ดีว่าเรากลายเป็นแม่ที่ไม่รักลูก ทำไมรักตัวเองมากกว่า แต่ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องปกติ คนเราต้องรักตัวเองให้ดีก่อนที่เราจะส่งต่อความรักและดูแลคนอื่นได้ ถ้าเราไม่รักตัวเอง ถ้าเราทิ้งตัวเองไปเลย เราก็จะไม่สามารถดูแลคนอื่นหรือดูแลลูกของเราได้อย่างมีความสุขเพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีความสุขได้เหมือนกัน
คิดว่าเรื่องของอายุมีผลต่อความเป็นแม่ที่ดีไหม
แม้ดคิดว่าทุกคนเป็นแม่ครั้งแรกแบบรอบเดียวเท่านั้นไม่ว่าอายุเท่าไร มันมีอายุที่เหมาะสมต่อการเป็นแม่ ถ้าเราเด็กเกินไปเราก็ไม่มีมีวุฒิภาวะมากพอ
เลี้ยงลูกมาสักพักหนึ่งแล้ว ในด้านการดูแลหุ่นตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้มีรูทีนอย่างไรบ้าง
ถ้าแม้ดเหนื่อยเกินไป เครียดหรือนอนน้อยเกินไป แม้ดจะบวม แม้ดจะอ้วนขึ้นมาทันที เพราะเป็นคนธาตุไฟ มันจะมีศาสตร์หลายศาสตร์ทั้งศาสตร์จีน ศาสตร์ไทย แล้วก็ Anti-Aging ที่ทำให้เรารู้จักร่างกายตัวเองมากขึ้น
ดังนั้นสิ่งแรกเลยที่จะทำคือไม่ให้ตัวเองเหนื่อยเกิน อันนี้คือพื้นฐาน แล้วจุดอื่นในเรื่องอาหารหรือการออกกำลังกายเราค่อยๆ เสริมเข้าไป เราต้องรู้จุดหลักของร่างกายเราก่อน ว่าปัญหาที่มันเป็นเยอะมากที่สุดคือตรงไหน แล้วอย่าให้มันเกิด มันไม่ใช่ว่าทุกคนสามารถบอกได้ว่า โอเค กินคลีน ออกกำลังกาย กินผัก กินสลัด กินโปรตีนให้ครบในแต่ละวัน ถ้าสิ่งนั้นมันเวิร์กสำหรับทุกคน ตอนนี้ทุกคนในประเทศไทยไม่ต้องออกกำลังกายก็มีซิกแพ็กโชว์ได้แล้ว
ซึ่งเชื่อว่าแต่ละคนจริงๆ ก็มีศักยกายภาพของตัวเอง
ถูกต้อง แต่ละคนคือมีปัจจัยที่แตกต่างกัน 1. โครงร่าง รูปร่างที่หุ่นไม่เหมือนกัน 2. สภาวะร่างกายที่ไม่เหมือนกัน 3. ปัญหาร่างกายที่ไม่เหมือนกัน 4. ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน ไลฟ์สไตล์ตรงนี้ แยกออกมาเป็นความเครียด บางคนอาจจะเครียดเรื่องงานมากๆ ไม่ได้นอน นอนดึกทุกคืน ตรงนี้มันส่งผลถึงการลดน้ำหนักและการดูแลร่างกายหมดเลย เพราะฉะนั้นเราต้อง Identify ปัญหาของตัวเองก่อนว่ามันคืออะไรและแก้จุดนั้น
แม้ดเชื่อว่าผู้หญิง 80% ไม่มีใครพอใจกับหุ่นตัวเองอยู่แล้ว อันนี้คือเรื่องจริง ถ้าเรายอมรับแบบเรียลๆ เลย ทุกคนก็ยังไม่พอใจกับหุ่นและยังไม่มั่นใจในตัวเอง และทุกคนก็พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่สิ่งที่แม้ดอยากจะบอกทุกคนก็คือว่า เราต้องหาจุดของตัวเองให้เจอว่าเราเหมาะกับอะไร มันถึงจะไปได้ดีที่สุด เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเองได้…เพราะถ้าเราไปทำตามคนอื่น แต่เขาไม่ใช่เรา ชีวิตเขาก็ไม่ใช่ชีวิตเรา ร่างเขาก็ไม่ได้เหมือนเรา ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมามันก็ไม่เหมือนกัน แล้วมันก็ทำให้เราท้อและรู้สึกว่าฉันยังเก่งไม่พอ ฉันยังดีไม่พอ ฉันยังมีวินัยไม่มากพอ
คำว่าวินัยเป็นสิ่งที่ค้ำคอผู้หญิงหลายคนในการดูแลตัวเองมากๆ ว่า ฉันต้องมีวินัยนะ แต่บางคนทำไมมีวินัย พยายามทำแล้ว แต่ไม่ได้อย่างที่ตัวเองต้องการ มันก็จะกลับมาจุดนี้แหละว่า การรู้จักตัวเองเพื่อที่จะหาวิธีการที่ดีที่สุดในการดูแลตัวเองให้ออกมาเป็น The Best Version ของเราเอง
จากเรื่องศักยภาพของตัวเองที่แม้ดกล่าวเมื่อครู่ มีมุมมองอย่างไรกับประโยคที่ว่า ‘Potential Has No Age’
แม้ดเชื่อว่าผู้หญิงเติบโตในทุกวัย มันไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมเลยในแต่ละวัน โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ เรื่องชีวิตการงาน ครอบครัว แต่ละอย่าง เพราะฉะนั้นแม้ดคิดว่าอายุไม่ใช่ตัวจำกัดศักยภาพของเรา เพราะแน่นอนว่าตอนเราอายุ 20 เรามีประสบการณ์แบบหนึ่ง เรามีความสามารถแบบหนึ่ง ตอนเราอายุ 30 เราเป็นแม่คน เราก็มีประการณ์ที่มากขึ้นพร้อมกับพลังที่มากขึ้น ดังนั้น เรามีศักยภาพที่จะโตไปเรื่อยๆ จนวันที่เราตาย ยิ่งอายุประสบการณ์เพิ่มขึ้น เราก็สามารถเก่งขึ้นได้ในทุกวัน
การเป็นแม่ได้สอนอะไรแม้ดบ้าง
การเป็นแม่เปลี่ยนเราโดยสิ้นเชิงจากภายใน จากที่เราเป็นคนโฟกัสตัวเอง 100% เรารักตัวเอง 100% การเป็นแม่สอนให้เราได้ดูแลคนอื่น ได้รักคนอื่นให้เป็น เพราะว่ารูปแบบความรักในแบบแม่ลูก มันจะไม่เหมือนในรูปแบบอื่นที่เราเคยเจอมาในชีวิต ทั้งชีวิตเราเป็นลูกมาตลอด เราไม่เคยรู้ว่าแม่เรารักเรายังไง แต่วันที่คุณได้เป็นแม่ คุณจะเข้าใจเลยว่าคุณสามารถเสียสละทุกสิ่งอย่างให้ลูกคุณได้ คุณสามารถพยายามทุกอย่าง เป็นคนที่ดีขึ้นในทุกวันเพื่อลูกคุณได้ เพราะว่าเวลาคุณเห็นเขา เขาโตขึ้นทุกวัน คุณอยากจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเขา และตัวเราเนี่ยแหละคือคนที่จะเปลี่ยนทุกวันให้ดีขึ้นและก็ทำทุกวันให้ดีขึ้นเพื่อเขาได้
เพราะฉะนั้นการเป็นแม่คือเป็นการให้แบบไม่มีสิ้นสุด และความรักที่มันไม่เหมือนอะไรที่เราเคยเจอมาในโลก ก็คือแฮปปี้มาก
ต่อให้มันพังแค่ไหนแต่ว่าเราก็ยังรู้สึกว่า สิ่งนี้ คนเล็กๆ คนนี้ เขาคือทุกอย่างของเราเลยนะ เขาคืออินสไปเรชันในการที่เราทำสิ่งต่างๆ ที่เราพยายามก้าวข้ามสิ่งที่มันยากๆ ที่มันเหนื่อยๆ เพราะว่าเราทำเพื่อเขา ซึ่งแม้ดว่ามันเหมือนการปลดล็อก Potential อีกด้านหนึ่งที่มันแอบอยู่ในตัวเราให้มันออกมาแบบนี้เลย
อยากฝากอะไรถึงมนุษย์แม่ด้วยกัน
- รักตัวเองให้มากๆ การที่มนุษย์แม่รักตัวเองได้มากเท่าไร เราจะยิ่งส่งต่อความรักและพลังในตัวของเราให้ลูกได้มากเท่านั้นเป็นทวีคูณ
- อย่า Give Up ในตัวเอง อย่ายอมแพ้ว่าวันนี้เราเป็นแค่นี้ เราเปลี่ยนไปหมดแล้ว เราจะกลับมาเป็นคนเดิมไม่ได้ เรียกได้ว่าเราจะกลับมาเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิมอย่างนี้ดีกว่า
และในโมเมนต์ที่มันยากลำบากที่สุดให้บอกตัวเองว่าเดี๋ยวสิ่งนี้มันก็จะผ่านไป และสิ่งที่เราจะได้ตอบแทนกลับมาคือ เราจะเห็นลูกของเราเติบโต เราจะเห็นรอยยิ้มของเขาและประสบการณ์ต่างๆ ที่มันทำให้เรามีความสุข ตรงนั้นมันมีค่ามากๆ เพราะฉะนั้นให้ทำต่อไปและสู้ต่อไป คุณไม่ได้อยู่คนเดียว
อยากฝากอะไรถึงคนที่ดิ้นรนกับการพิชิตหุ่นในฝันแต่ยังทำไม่ได้ และคนที่มีภาระหน้าที่มากมายจนหลงลืมการดูแลตัวเอง
ใจเย็นๆ ถอยกลับมาก่อน เพราะว่าถ้าเรายิ่งทำต่อไปก็เหมือนชนกำแพง มันเจ็บ ถอยกลับมาดูตัวเองก่อนว่าตอนนี้เรายืนอยู่จุดไหน แล้วลองมาวิเคราะห์ว่าสิ่งนี้มันถูกหรือเปล่า ถ้ามันถูกจริงทำไมผลลัพธ์มันออกมาเป็นแบบนี้ หาข้อมูลเยอะๆ ศึกษาเยอะๆ แล้วอย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับประสบการณ์ของคนอื่น เพราะว่ามันไม่มีใคร ร่างใครที่เหมือนกันเลย
แล้วจะบอกว่าตัวเรามีแค่ร่างเดียว อย่าไปทำร้ายเขาเยอะ สงสารเขาหน่อย รักเขาเยอะๆ ตบบ่าตัวเองบ้างแล้วบอกว่า เรามาขนาดนี้แล้ว เราเก่งแล้ว พรุ่งนี้เอาใหม่ ค่อยๆ ทำไป ใจดีกับตัวเองบ้าง ถ้าเรา Give Up ในตัวเอง มันไม่มีใครดึงเราขึ้นมาได้แล้วนอกจากตัวเรา เพราะฉะนั้นต่อให้มันยากแค่ไหนก็อย่ายอมแพ้ในการดูแลตัวเองหรือการที่จะทำตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
คิดอย่างไรกับการทำงานมากกว่าอาชีพเดียวในปัจจุบัน
แม้ดว่ามันเป็นเรื่องดีซะอีก เพราะว่ามันทำให้เราได้เรียนรู้ในหลายเรื่องใหม่ที่มันชาเลนจ์ตัวเอง ถ้าเราทำแค่อาชีพเดียว Journey มันเหมือนเดิม พอถึงจุดหนึ่งที่คุณไม่โต คุณก็ต้องหาอะไรทำใหม่
แล้วมันไม่มีอะไรมาจำกัดเราว่าเราต้องทำกี่อาชีพ มันอยู่ที่ตัวเราว่าเราชอบกี่อย่าง หรือว่าเรามีเป้าหมายอะไรที่มันใหญ่กว่านี้ไหม
ถึงแม้มันอาจจะเหนื่อยหน่อย แต่ว่าถ้ามันเป็นความสุขของเราเองก็ทำ