นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า เดือนที่ผ่านมาเป็นกันยายนที่ร้อนสุดเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังทิ้งห่างจากสถิติเดิมในระดับที่น่าตกใจด้วย โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่านี่เป็นความร้อนที่ ‘บ้าคลั่งจนน่าประหลาดใจ’
หากย้อนดูสถิติของเดือนก่อนๆ ที่ผ่านมานั้น เราจะเห็นว่าโลกได้เผชิญกับเดือนสิงหาคมและกรกฎาคมที่ร้อนสุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว และเดือนกันยายนที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน โดยอุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ได้ส่งผลให้คลื่นความร้อนและเหตุไฟป่าทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก
ข้อมูลระบุว่า เดือนกันยายน 2023 มีอุณหภูมิสูงกว่าสถิติเดิมที่เคยทำไว้ถึง 0.5 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พุ่งแรงสุดเท่าที่เคยมีมา โดยเดือนกันยายนมีอุณหภูมิสูงเหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมที่ราว 1.8 องศาเซลเซียส
ปัจจัยที่ทำให้โลกเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงเช่นนี้เนื่องจากมนุษย์ยังคงปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง บวกกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติอย่างเอลนีโญที่ทำให้สภาพอากาศปีนี้ร้อนขึ้นกว่าช่วง 3 ปีก่อนหน้า ซึ่งโลกเจอกับลานีญา โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แม้ปัจจุบันปี 2023 จะจ่อก้าวเป็นปีที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยเผชิญ แต่ปีหน้า 2024 อาจร้อนหนักได้มากขึ้นกว่านี้ เพราะโดยปกติแล้วหากเอลนีโญย่างกรายเข้ามาสู่โลก ผลกระทบของมันจะแสดงให้เห็นชัดเจนและรับรู้ได้ในอีก 1 ปีต่อมานั่นเอง
ซีค เฮาส์ฟาเธอร์ (Zeke Hausfather) จากโครงการข้อมูลสภาพภูมิอากาศ Berkeley Earth กล่าวว่า “จากความคิดเห็นของผมในฐานะนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ เดือนกันยายนที่ผ่านมานั้นร้อนบ้าคลั่งจนน่าประหลาดใจ”
มิกา รันทาเนน (Mika Rantanen) นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศประจำสถาบันอุตุนิยมวิทยาฟินแลนด์ กล่าวว่า “ผมพยายามจะทำความเข้าใจว่าอุณหภูมิในปีเดียวสามารถกระโดดจากช่วงปีก่อนๆ หน้ามากขนาดนี้ได้อย่างไร” ขณะที่ศาสตราจารย์เอ็ด ฮอว์กินส์ (Ed Hawkins) จาก University of Reading สหราชอาณาจักร กล่าวว่า ความร้อนที่เกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ‘ไม่ธรรมดา’
ซาแมนธา เบอร์เกส (Samantha Burgess) จากสถาบัน Copernicus Climate Change Service แห่งสหภาพยุโรป กล่าวว่า “ปี 2023 จ่อขึ้นแท่นเป็นปีที่ร้อนที่สุด และมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมประมาณ 1.4 องศาเซลเซียส ฉะนั้นประเด็นการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่ต้องลงมือทำอย่างเร่งด่วนจึงเป็นวาระที่สำคัญยิ่งสำหรับการประชุม COP28 ที่กำลังจะมาถึง”
แฟ้มภาพ: Leestudio Via Shutterstock
อ้างอิง: