วันนี้ (26 กันยายน) ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ พ.ต.ต. ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 กันยายน ภายในงานเลี้ยงของ ประวีณ จันทร์คล้าย หรือ อดีตกำนันนก
พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวว่า ในส่วนของคดีฆ่าและคดีที่เกี่ยวข้องกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้รับโอนจากคณะทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน
โดยแบ่งกลุ่มข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมงานเลี้ยงบ้านอดีตกำนันนกทั้งหมด 29 นาย เป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 ผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 2 คน, กลุ่มที่ 2 ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหา 6 คน, กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทันทีขณะเกิดเหตุ 6 คน และกลุ่มที่ 4 กลุ่มที่มีพฤติการณ์ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยได้หารือกับอัยการแล้ว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับตำรวจกลุ่มนี้ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งหมด 15 นาย รวมถึง พ.ต.อ. กฤษฎาพร จงอักษร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพญาไท คาดว่าจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดให้เสร็จสัปดาห์นี้
พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวต่อว่า ทางตำรวจสอบสวนกลางยังพยายามกู้ข้อมูลในกล้องวงจรปิดตามจุดสำคัญที่บันทึกภาพบริเวณลานจัดงาน แต่ถูกดึงปลั๊กหรือถอดสายแลนออกไปตั้งแต่เวลาประมาณ 10.16 น. ซึ่งเป็นเวลาก่อนเริ่มงานเลี้ยง โดยหลังจากส่งให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบ แต่ไม่สามารถกู้ภาพได้ จะส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์และหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญของต่างประเทศช่วยตรวจสอบต่อไป
คาดว่าหากสามารถกู้ข้อมูลมาได้ จะสามารถเห็นภาพสำคัญในช่วงเกิดเหตุ ภาษากายอดีตกำนันนกขณะสั่งการ แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ถึงไม่ได้ข้อมูลส่วนนี้มาก็สามารถเอาผิดอดีตกำนันนกได้แน่นอน และจะนำข้อมูลมาตรวจสอบว่าตรงกับข้อมูลที่ได้มาจากชุดสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 หรือไม่
พล.ต.ท. จิรภพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตำรวจสอบสวนกลางทำงานร่วมกับชุดทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค 7 ได้ไม่มีปัญหา และแนวทางการสืบสวนเป็นไปในทิศทางเดียวกันมาโดยตลอด
ส่วนการตรวจสอบการฮั้วประมูลของบริษัทเครือข่ายอดีตกำนันนกนั้น จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธหลายประเด็น โดยพบว่า บริษัทเครือข่ายอดีตกำนันนกเปิดมาตั้งแต่ปี 2540 ได้ร่วมประมูล 1,527 โครงการ ชนะประมูล 1,314 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 85
ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่อยู่ในจังหวัดนครปฐม อีกทั้งบริษัทของอดีตกำนันนกยังมีสถิติชนะประมูลโครงการเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการประมูลเป็นรูปแบบ E-Bidding ในปี 2558 โดยชนะในราคาที่ต่างกันเพียงหลักพันหรือหลักหมื่นบาท อีกทั้งบริษัทที่ร่วมประมูลก็ยังเสนอราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางจะประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบในประเด็นนี้ต่อไป