พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกออนไลน์หรือออฟไลน์ แต่มีการผสมผสานกันอย่างไร้รอยต่อ ทำให้นักโฆษณาและนักการตลาดต้องออกแบบกลยุทธ์การเข้าถึงผู้บริโภคให้สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิต และสามารถเชื่อมโยงประสบการณ์บนโลกออนไลน์และออฟไลน์ของผู้บริโภคให้ได้อย่างลงตัว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา สื่อออนไลน์ยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นถึง 5.6% ขณะที่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อออฟไลน์ลดลง 1.9% จากการถดถอยของสื่อโทรทัศน์ ขณะที่สื่อนอกบ้าน (Outdoor & Transit Media) มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกเหนือจากสื่อโฆษณาหลักเหล่านี้แล้ว อีกหนึ่งรูปแบบของสื่อที่กำลังมาแรงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาคือ สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีก (Retail Media Network) ซึ่งบริหารและให้บริการโดยผู้ประกอบการค้าปลีกหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ถือเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ในขณะที่กำลังซื้อสินค้าออนไลน์หรือหน้าร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยจุดแข็งของการมีฐานข้อมูลที่มีคุณภาพ ทั้งในด้านพฤติกรรมการจับจ่าย ความชอบ และประวัติการซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- คนจีนเรียกรถผ่าน Grab เพิ่มขึ้น 38% เล็งขยายช่องทางชำระเงินผ่าน Alipay และ Kakao Pay
- นักท่องเที่ยวต่างชาติมาดู ‘แข่งมวยไทย’ เวทีราชดำเนินโต 16 เท่า Grab ไม่รอช้าจับมือทุ่ม 100 ล้าน
- Grab ปลดพนักงาน 1,000 คน ย้ำนี่ไม่ใช่ทางลัดสู่การทำกำไร แต่เป็นกลยุทธ์บริหารต้นทุน
ในปี 2566 สื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกถือเป็นสื่อที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 โดยถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่ารวมทั่วทั้งโลกสูงถึง 125.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะสามารถทำรายได้รวมสูงกว่ารายได้จากสื่อโทรทัศน์ได้ภายในปี 2571
นี่จึงกลายเป็นเค้กก้อนใหม่ที่ Grab มองเห็น จึงเข้าสู่ธุรกิจโฆษณาครั้งแรกในปี 2561 โดยเริ่มจากการนำเสนอสื่อโฆษณาภายในรถยนต์ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพาร์ตเนอร์คนขับ ก่อนจะขยายตัวมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มเพื่อช่วยให้พาร์ตเนอร์ร้านค้าหรือแบรนด์ต่างๆ สามารถเข้าถึงผู้ใช้บริการในแอปพลิเคชันได้มากขึ้น และถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกที่ครบวงจรภายใต้ชื่อ GrabAds
จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย ระบุว่า GrabAds นำเสนอโซลูชันด้านการตลาดที่ครบวงจร ซึ่งแตกต่างจากสื่อโฆษณาดิจิทัลรูปแบบอื่นๆ ที่จะต้องเลือกระหว่างการทำสื่อออนไลน์กับออฟไลน์ และจะต้องเลือกว่าจะทำการสร้างแบรนด์ (Awareness) หรือเน้นการขาย (Conversion)
นอกจากนี้ยังดึงดูดกลุ่มลูกค้าคุณภาพที่มีกำลังซื้อ เพราะกลุ่มลูกค้าที่อยู่บนแพลตฟอร์มเป็นกลุ่มที่ตั้งใจมาค้นหาสิ่งของ อาหาร หรือบริการ จึงเป็นกลุ่มที่มีคุณภาพที่ใช้เวลาอยู่ในแพลตฟอร์มอย่างมีโฟกัสและความตั้งใจในการเลือกซื้อสินค้าและบริการ นั่นจึงทำให้ลูกค้าสามารถรับรู้ถึงสื่อโฆษณาและข้อมูลใหม่ได้ดีกว่า จึงทำให้อัตราการคลิกโฆษณา (Click Through Rate: CTR) สูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ในประเทศไทยถึง 3-5 เท่า
และกว่า 60% ของผู้ใช้บริการในประเทศไทยที่เปิดแอปพลิเคชัน Grab มีการใช้จ่ายบนแอปพลิเคชันในเดือนนั้น ซึ่งแตกต่างจากสื่อโฆษณาดิจิทัลอื่นๆ ที่ผู้ใช้บริการอาจจะไม่ได้มีความสนใจในการจับจ่ายใช้สอยในขณะนั้น
“ลูกค้าที่เปิดเข้ามาในแอปพลิเคชัน Grab มีเป้าหมายชัดเจนที่จะเข้ามาใช้บริการและใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มของ Grab ซึ่งแตกต่างจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ผู้ใช้บริการมองหาความบันเทิง หรือต้องการติดตามข่าวสารต่างๆ จึงทำให้การทำโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Grab สามารถดึงดูดและเข้าถึงผู้บริโภคที่มีความตั้งใจที่จะใช้จ่ายได้มากกว่า”
ปัจจุบัน GrabAds มีลูกค้าแบรนด์ชั้นนำจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ ครอบคลุมทั้ง Food and Beverage, E-Commerce and Retails, FMCG, Healthcare and Pharmacy, Real Estate, Telecommunications and Electronics, Automotive, Entertainment และ Financial
“เราเล็งขยายฐานลูกค้าเพิ่มในกลุ่ม FMCG, Automotive และ Financial นอกเหนือจากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมตั้งเป้าเป็นสื่อโฆษณาบนแพลตฟอร์มค้าปลีกอันดับต้นๆ ในประเทศไทย” จันต์สุดากล่าว “เราเชื่อมั่นว่า GrabAds จะสามารถเป็นเครื่องมือการตลาดอันทรงพลังที่นักการตลาดและแบรนด์ต่างๆ เลือกใช้ในการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ”
