วันนี้ (20 กันยายน) ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่าตนได้พยายามติดต่อคนที่จะมาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ โดยคุยถึงหลักการที่จะแก้ไขให้สำเร็จและเสร็จภายใน 3-4 ปีที่เป็นรัฐบาล ยืนยันว่าจะทำให้เร็วที่สุด ซึ่งการเรียนเชิญผู้ที่เป็นคณะกรรมการ เราได้แจ้งว่าอยากให้ปมความขัดแย้งเดิมๆ สลายไป และไม่อยากสร้างปมขัดแย้งใหม่ขึ้นมา ซึ่งตนจะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการ โดยจะให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเพื่อดำเนินการทำประชามติ
ทั้งนี้ คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะมีตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ตัวแทนวิชาชีพ iLaw รวมถึงภาคประชาสังคมมาร่วมด้วย และอยากจะเรียนเชิญสมาคมนักข่าวฯ สมาคมทนายความ นักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิหลายๆ ด้าน ซึ่งบางคนที่ติดต่อไปตอบรับเรียบร้อยแล้ว โดยรายชื่อในคณะกรรมการต่างๆ มีประมาณเกือบ 20-30 คน เพราะไม่อยากให้เป็นคณะที่ใหญ่เกินไป เพื่อให้การทำงานมีความคล่องตัว
ภูมิธรรมกล่าวว่า คาดว่าการทำประชามติจะเกิดขึ้นภายใน 3-4 เดือน หรืออาจเร็วกว่านั้น ถ้า ครม. มีมติชัดเจนก็จะทำให้กระบวนการรองรับและดำเนินการไปได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องหารือส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทราบเหตุและผล เพราะไม่อยากให้มีประชามติและร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ผ่าน ทั้งนี้ ขอพูดคุยในการประชุมครั้งแรกก่อน ถึงจะเห็นกรอบที่ชัดเจน จากนั้นก็จะวางไทม์ไลน์ เพราะมีหลายขั้นตอน ทั้งยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงแก้กฎหมายในสภา แต่ยืนยันว่าการแก้รัฐธรรมนูญและมีกฎหมายลูก ไม่เกิน 3-4 ปี เพื่อให้ทันการเลือกตั้งสมัยหน้าที่จะมีขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า การทำประชามติจะทำทั้งฉบับหรือรายมาตรา ภูมิธรรมระบุว่า ตามนโยบายรัฐบาลประกาศไว้ชัดเจนแล้วว่าจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยคงมาตราหมวด 1-2 ไว้ และไม่แตะในเรื่องพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่างๆ แต่นอกนั้นทำได้หมด เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น ถ้าจะให้เร็วที่สุดวันอังคารที่ 26 กันยายน ก็จะสามารถนำเสนอที่ประชุม ครม. เพื่อให้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้งได้ หรืออาจเป็นสัปดาห์ถัดไป
เมื่อถามว่าหากแก้รัฐธรรมนูญจบ รัฐบาลจะยุบสภา หรืออยู่จนครบวาระ ภูมิธรรมกล่าวว่า ขอดูรายละเอียดก่อน แต่คิดว่าเราจะทำให้เข้าสู่กระบวนการปกติให้เร็วที่สุด ขอคุยกับคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อน เพราะหากตอบในตอนนี้ก็จะเป็นความเห็นของตนเพียงคนเดียว เนื่องจากตนอยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมให้มากที่สุด ต้องมีการคุยและวางไทม์ไลน์ให้ชัดและโปร่งใส
“ไม่มีการประวิงเวลา เพราะการที่เราให้ ครม. ทำประชามติสะท้อนชัดเจนแล้วว่าเรารีบ แต่ถ้าเราอยากจะประวิงเวลาก็โยนเข้ารัฐสภาและไปถกกันอีกยาวนานก็จะมีปัญหา หรือให้ประชาชนส่งข้อเสนอเข้ามาก็อาจใช้เวลานานอีก ฉะนั้นเราแสดงเจตจำนงที่ชัดเจนแล้ว ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นในรัฐบาลเราอย่างแน่นอน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด” ภูมิธรรมกล่าว