Apple เปิดตัว iPhone 15 ซึ่งได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายๆ คน โดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีไม่ขึ้นราคาสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุด ทำให้ถูกมองว่าการตัดสินใจครั้งนี้อาจส่งผลกระทบทางการเงินต่อการเติบโตของรายได้ที่คาดหวังของบริษัทในปีที่กำลังจะมาถึง
iPhone 15 ใหม่มีฟังก์ชันกล้องที่ได้รับการปรับปรุง, พอร์ตชาร์จ USB-C สำหรับทุกรุ่น, ตัวเครื่องที่ทำมาจากไทเทเนียมสำหรับรุ่น Pro และชิปใหม่ล่าสุดที่ช่วยให้ทุกอย่างทำงานได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
ทุกอย่างแทบจะคล้ายกับข่าวลือที่หลุดออกมา แต่สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือ ‘ราคา’ ซึ่งมีราคาเท่าเดิมกับปีที่แล้ว ทั้งที่เสียงกระซิบและข่าวลือแนะนำว่า Apple อาจผลักดันราคาให้สูงขึ้นอย่างมาก บางคนถึงกับทุ่มตัวเลขประมาณ 100-200 ดอลลาร์ หรือราว 3,000-6,000 บาท โดยเฉพาะรุ่น Pro ระดับไฮเอนด์ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวจะส่งผลให้ราคาขายพุ่งสูงขึ้นถึง 8%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- บอกลา Lightning! ‘iPhone 15’ มาพร้อมพอร์ต USB-C เป๊ะตามข่าวลือ รุ่น Pro ใช้วัสดุไทเทเนียม และ Apple Watch Series 9 มีสีชมพู สรุปงานเปิดตัว Apple มีอะไรใหม่ (ที่น่าซื้อ) บ้าง
- iPhone ก็เหมือนรถยนต์ตรงที่ขายต่อก็ยังได้ราคาดี! นักวิเคราะห์มอง แม้รุ่นใหม่จะ ‘แพงขึ้น’ แต่ลูกค้าก็พร้อมซื้อ
- Apple อยู่ไม่สุขแล้ว! จีนสั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ iPhone สำหรับการทำงาน อ้างเพื่อป้องกันความมั่นคง
หลังจากการประกาศครั้งนี้มีระลอกคลื่นในตลาดหุ้น มูลค่าหุ้น Apple ลดลงเล็กน้อยประมาณ 2% แต่นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับ Apple หุ้นของพวกเขามักจะลดลงหลังจากการประกาศเปิดตัว iPhone ครั้งใหญ่ ตามสถิติพบว่า หุ้นของ Apple ลดลงถึง 7 ใน 10 ครั้งเลยทีเดียว
กระนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นของ Apple ได้ลดลงถึง 6% เนื่องจากมีการพูดคุยมากมายเกี่ยวกับความท้าทายที่ Apple กำลังเผชิญในประเทศจีน การลดลงเมื่อเร็วๆ นี้หมายความว่า Apple สูญเสียมูลค่าถึง 2.1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ามูลค่าของบริษัทส่วนใหญ่ใน S&P 500
ราคาสมาร์ทโฟนในปัจจุบันสูงลิ่วแล้ว รุ่นพรีเมียม เช่น iPhone รุ่น Pro ของ Apple และหน้าจอแบบพับได้ของคู่แข่งอย่าง Samsung และ Google เองก็มาพร้อมราคาที่แพง
ถึงอย่างนั้น บางที Apple อาจคิดว่าการอัปเดต iPhone ในปีนี้อาจไม่ใหญ่พอที่จะขอให้ลูกค้าจ่ายเงินเพิ่ม ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนมาใช้พอร์ตชาร์จ USB-C อาจเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับบางคนด้วยซ้ำ
ความมั่นคงด้านราคาของ Apple อาจเป็นกลยุทธ์ เมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศทางธุรกิจที่สับสนอลหม่านในจีน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่สร้างรายได้ถึง 19% แถมยังเผชิญกับคู่ปรับอย่าง Huawei ที่เพิ่งเปิดตัวรุ่นใหม่อย่าง Mate 60 Series ซึ่งรายงานของ Reuters ระบุว่า Huawei ตั้งเป้าการจัดส่งเพิ่มขึ้นถึง 20%
ขณะเดียวกัน การคงราคาเดิมอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคที่ต้องต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง แต่สำหรับ Apple มันเป็นดาบสองคม เพราะอาจทำให้การเติบโตของ Apple ลดลงได้ เนื่องจากนักวิเคราะห์คาดว่า ราคาที่สูงขึ้นจะชดเชยการเติบโตของการจัดส่ง iPhone ที่ลดลงในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนกันยายนปีหน้า
ด้านบริษัทวิจัย IDC คาดการณ์ว่า Apple จะขายกลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ใหม่ได้มากกว่า 150 ล้านเครื่อง ภายใน 12 เดือนแรกของการเปิดตัว
ข้อมูลของ IDC ระบุว่า ประมาณ 60% ของ iPhone ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีอายุมากกว่า 4 ปี ซึ่งแสดงถึงฐานผู้ใช้ที่มีศักยภาพมากกว่า 600 ล้านคนที่พร้อมจะอัปเกรดเป็น iPhone ใหม่
“ผู้บริโภคใช้อุปกรณ์ของตนนานขึ้น โดยเฉลี่ย 36 เดือนในหลายประเทศ มีโอกาสสำคัญสำหรับ Apple ในการสนับสนุนการอัปเกรดสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของ iPhone 11, iPhone X, iPhone XR, iPhone XS หรือแม้แต่รุ่นที่เก่ากว่ามานานกว่า 4 ปี” Francisco Jeronimo รองประธานฝ่ายข้อมูลและการวิเคราะห์ของ IDC Europe กล่าว
เขายังกล่าวอีกว่า การเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์เน้นย้ำถึงประโยชน์ของการอัปเกรดอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนผู้ใช้ iPhone มากกว่า 1 พันล้านคน กลุ่มผลิตภัณฑ์ iPhone 15 ใหม่ก็พร้อมที่จะประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็ตาม
ภาพ: Justin Sullivan / Getty Images
อ้างอิง: