วานนี้ (31 สิงหาคม) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาดูแลฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลว่า ไม่มีคุณสมบัติพิเศษ ในอดีตก็ไม่เคยมีการกำหนดไว้ เดิมทีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะดูแลในส่วนของตัวเอง เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ส่วนของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะดูแลให้
วิษณุระบุว่า สมัยที่ตนเป็นเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ไม่มีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ตนก็เป็นคนดูแลให้ ซึ่งข้าราชการประจำสามารถดูแลกฎหมายให้ได้ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็สามารถดูแลให้ได้ แต่ในระยะหลังปริมาณงานมีมากขึ้น หากทุกกระทรวงมีปัญหา ตนในฐานะเนติบริกรกลับต้องให้บริการนายกฯ และ ครม. น้อยกว่าที่ให้บริการกระทรวงต่างๆ เช่น กรมศุลกากรไปจับ กรมสรรพากรไปปรับ แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กลับไม่ฟ้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน จึงต้องมีใครเข้ามาดูแล จึงเกิดรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายขึ้น ดังนั้นต่อไปในรัฐบาลหน้า หากโฉมหน้าเป็นอย่างที่ออกมา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็สามารถดูแลฝ่ายกฎหมายได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์และประวัติของรัฐมนตรีจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของข้าราชการประจำหรือไม่ วิษณุระบุว่า ขอไม่วิจารณ์ในเรื่องนี้ เพราะงานกฎหมายของรัฐบาลอยู่ในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา อยู่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่วนหนึ่ง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งมีนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบส่วนหนึ่ง อยู่ในสำนักงานอัยการสูงสุดซึ่งอัยการสูงสุดรับผิดชอบ
แต่เนื่องจากไม่ได้อยู่ในอาณัติของรัฐบาล จึงเป็นลักษณะในการประสานขอความช่วยเหลือ และหากเกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นเจ้าของเรื่อง แต่ตนไม่มีคำแนะนำอะไรให้กับผู้ที่จะเข้ามาดูแลฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลต่อไป
ส่วนกระแสข่าวว่ามีว่าที่รัฐมนตรี 2 คนที่มีคุณสมบัติไม่ผ่านนั้น วิษณุกล่าวว่า เท่าที่ตรวจสอบตอนนี้ไม่มีใครมีปัญหา เพียงแต่ว่ากำลังขอหลักฐานยืนยันให้ชัดเจนเท่านั้น บางอย่างหลักฐานไม่ได้มีที่เรา อยู่ที่เจ้าตัว บางอย่างหลักฐานอยู่ที่หน่วยงาน เช่น กระทรวงพาณิชย์ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรื่องหุ้นแบบนี้ต้องการหลักฐานยืนยัน และรัฐมนตรีต้องกรอกประวัติและเซ็นชื่อรับผิดชอบ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาต้องรับผิดชอบ
ส่วนประวัติจะระบุการถูกตัดสินโทษจำคุกหรือไม่นั้น วิษณุกล่าวว่า การตรวจสอบเบื้องต้นไม่สามารถบอกได้ ต้องรอให้มีการกรอกประวัติเซ็นรับผิดชอบมาเพื่อนำไปตรวจสอบกับหน่วยงานของรัฐ ส่วนกรณีการบกพร่องคุณธรรมจริยธรรม ไม่มีหน่วยงานไหนเช็กได้ มันเป็นนามธรรม แต่เจ้าตัวเขาจะเซ็นรับผิดชอบมา
หากมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคตก็ไปถอดถอนเอา หรือถ้าใครสงสัยก็ให้ไปยื่นศาลตรวจสอบเอา ส่วนการรอเอกสารยืนยันจากว่าที่รัฐมนตรีจะไม่ทำให้กระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีล่าช้า แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีการทูลเกล้าฯ เมื่อใด เพราะยังไม่ได้หลักฐาน