สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ภาวะโลกร้อนได้ส่งผลให้ระดับน้ำในคลองปานามาซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของโลกลดลงทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายปี โดยสถานการณ์ดังกล่าวกำลังส่งผลกระทบต่อการขนส่งสินค้าทางเรือและมีแนวโน้มว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอาจจะลุกลามไปยังเส้นทางการเดินเรืออื่นๆ อีกด้วย
ข้อมูลจาก Clarkson Research Services โบรกเกอร์ด้านการขนส่งสินค้าทางเรือรายใหญ่ของโลก ระบุว่า ขณะนี้เรือขนส่งสินค้าต้องใช้เวลาจอดรอโดยเฉลี่ยถึง 4 วัน เพื่อแล่นข้ามระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและแอตแลนติกผ่านคลองปานามา โดยมีบางลำที่ต้องใช้เวลารอถึง 20 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับในภาวะปกติที่เรือจะใช้เวลาจอดรอก่อนข้ามคลองเพียง 1 วันนิดๆ เท่านั้น
ในแต่ละปีเรือขนส่งสินค้าจะมีการบรรทุกสินค้าผ่านคลองปานามามากกว่า 500 ล้านตัน โดยคลองแห่งนี้ถูกใช้ขนส่งสินค้าที่หลากหลายจากทั่วโลก ตั้งแต่ผลผลิตทางการเกษตรจากลาตินอเมริกา น้ำมันที่ผลิตในสหรัฐฯ และอีกหลากหลายสินค้าจากทั่วโลก
Peter Sand หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Xeneta ศูนย์วิจัยด้านการเดินเรือเชิงพาณิชย์ กล่าวว่า นอกจากระดับน้ำที่ลดต่ำลงจะทำให้การเดินเรือล่าช้าแล้ว เรือขนส่งสินค้ายังถูกบังคับให้ลดปริมาณการขนสินค้าลงให้สอดคล้องกับระดับน้ำด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงต้นทุนการขนส่งต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการ
ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ระดับน้ำในทะเลสาบกาตุน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่คอยป้อนน้ำให้คลองปานามาได้ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี โดยสาเหตุหลักเกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ลดลงตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และมีความเป็นไปได้ระดับน้ำในคลองปานามาจะอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติไปถึงเดือนตุลาคม
นอกจากคลองปานามา ในเดือนที่ผ่านมาแม่น้ำไรน์ของเยอรมนีต้องเผชิญกับปัญหาระดับน้ำที่ลดต่ำลงจากปกติเช่นกัน และเมื่อไม่นานมานี้ทางการบราซิลได้ออกประกาศให้เรือขนส่งลดปริมาณการขนสินค้าในแม่น้ำแอมะซอนจากเดือนกันยายนถึงธันวาคมเช่นกัน เนื่องจากคาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำจะลดต่ำลง
อ้างอิง: