โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต้อนรับ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และ ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่เดินทางมาร่วมประชุมไตรภาคีที่แคมป์เดวิด รัฐแมริแลนด์ของสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์นี้
โดยไบเดนหวังเป็นตัวกลางในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิดในเอเชียอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ซึ่งบาดหมางกัน เนื่องจากประวัติศาสตร์บาดแผลช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
แม้ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้จะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดและยาวนานของสหรัฐฯ แต่ทั้งสองประเทศนี้ไม่เคยเป็นเพื่อนกัน โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญคือความโกรธแค้นถึงสิ่งที่ทหารญี่ปุ่นได้ทำกับชาวเกาหลีใต้ โดยเฉพาะการบังคับให้เป็น ‘หญิงบำเรอ’ ซึ่งชาวเกาหลีใต้รู้สึกว่า ญี่ปุ่นไม่เคยขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการและเหมาะสม ในขณะที่ทางการญี่ปุ่นก็ชี้แจงว่า ตนได้ชดใช้บาปทางประวัติศาสตร์ในสนธิสัญญาหลายฉบับแล้ว
ก่อนที่การประชุมจะเปิดฉากขึ้น ไบเดนกล่าวชื่นชมผู้นำทั้งสองประเทศว่า “เป็นผู้มีความกล้าหาญทางการเมืองอย่างมาก ประเทศของเราจะแข็งแกร่งขึ้น และโลกจะปลอดภัยขึ้น เมื่อเรายืนหยัดร่วมกัน และผมเชื่อว่านี่คือความเชื่อที่เราทั้งสามต่างมีร่วมกัน”
ในโอกาสนี้ผู้นำทั้งสามประเทศยังได้ออกแถลงการณ์ร่วมต่อต้านพฤติกรรมที่เป็นอันตรายและก้าวร้าวของจีนในพื้นที่พิพาทแถบทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงกรณีไต้หวัน ทั้งยังเห็นพ้องที่จะร่วมกันซ้อมรบและจัดการประชุมสุดยอดผู้นำขึ้นเป็นประจำทุกปี รวมถึงปรึกษาหารือกันในชั่วโมงวิกฤต และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือแบบเรียลไทม์
การประชุมสุดยอดผู้นำที่แคมป์เดวิดในครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำต่างประเทศได้ไปเยือนบ้านพักของประธานาธิบดีสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2015 เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในหมู่พันธมิตร และรับมือกับความพยายามในการแผ่ขยายอำนาจและอิทธิพลของจีน โดยเฉพาะในพื้นที่แถบเอเชีย
นักวิเคราะห์มองว่า การพบกันของผู้นำทั้งสามประเทศในครั้งนี้ อาจนำไปสู่สภาวะผ่อนคลายความตึงเครียด (Détente) ระหว่างกัน โดยมองว่ารัฐบาลชุดใหม่ของทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีเหตุผลสนับสนุนมากพอที่จะขยับจากจุดยืนที่แตกต่างกัน และหันมาร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น แม้จะมีต้นทุนทางการเมืองภายในประเทศที่อาจจะต้องเสียไปบ้างก็ตาม เพราะท้ายที่สุดแล้ว ช่วงเวลานี้คือยุคของการเมืองเชิงปฏิบัติ และพวกเขาต่างเห็นภัยคุกคามที่ใหญ่กว่ากำลังคืบคลานเข้ามา
ด้านจีนได้แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดไตรภาคีในครั้งนี้ พร้อมทั้งชี้ว่า ไม่ว่าสหรัฐฯ จะพยายามปฏิเสธว่า ตนเองไม่ได้พยายามที่จะควบคุมอิทธิพลของจีนมากแค่ไหน แต่การประชุมนี้ก็ไม่ได้ต่างจากการประชุมของ ‘พันธมิตรนาโตขนาดย่อม’ (Mini NATO) โดย หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ได้ส่งสัญญาณเรียกร้องให้ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้หันมาทำงานกับรัฐบาลจีน เพื่อฟื้นฟูเอเชียตะวันออกร่วมกัน
ปัจจัยที่น่าจับตามองคือ วาระการดำรงตำแหน่งของไบเดนกำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับการเปิดศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งใหม่ ในช่วงปลายปี 2024 ประกอบกับคะแนนความนิยมของทั้งฟูมิโอะและยุนซอกยอลที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก การเปลี่ยนขั้วรัฐบาลอาจส่งผลอย่างมากต่อความสัมพันธ์ของทั้งสามประเทศ ยังไม่นับรวมประเด็นพิพาทกรณีการอ้างกรรมสิทธิ์ระหว่างทั้งสองประเทศเหนือเกาะทาเคชิมะ (ญี่ปุ่น) หรือที่รู้จักกันในชื่อเกาะด็อกโด (เกาหลีใต้) ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุของความบาดหมางระลอกใหม่ในอนาคต
ภาพ: Kent Nishimura / AFP
อ้างอิง: