Financial Times รายงานว่า มูลค่าการออกตราสารหนี้สกุลเงินหยวนของจีนโดยบริษัทหรือสถาบันต่างชาติในปีนี้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและมีโอกาสที่จะสูงจนทำลายสถิติเดิมในปีก่อนได้เมื่อพิจารณาจากผลตอบแทนพันธบัตรหรือบอนด์ยีลด์ของจีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ
นับจากต้นปีที่ผ่านมา ยอดการออกตราสารหนี้สกุลเงินหยวนโดยต่างชาติหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘แพนด้าบอนด์’ มีมูลค่าแตะ 7.5 หมื่นล้านหยวน หรือ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าภาพรวมของทั้งปี 2021 ไปแล้ว ขณะที่ปริมาณการออกตราสารหนี้สกุลเงินหยวนในฮ่องกงหรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘ติ่มซำบอนด์’ ก็พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.2 แสนล้านหยวนเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อนำยอดการออกทั้ง ‘แพนด้าบอนด์’ และ ‘ติ่มซำบอนด์’ มารวมกันจะทำให้การออกตราสารหนี้สกุลเงินหยวนของจีนโดยบริษัทต่างชาติในปีนี้มีมูลค่ารวมกันไปแล้วเกือบ 4 แสนล้านหยวน ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 20% และยังมีโอกาสที่ภาพรวมทั้งปีมูลค่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแซงหน้าสถิติเดิมที่ 4.66 แสนล้านหยวนในปีก่อน
ผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงกว่าที่คาด (Higher for Longer) ขณะที่ดอกเบี้ยในจีนจะอยู่ในระดับต่ำจากการที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว ซึ่งเทรนด์ดังกล่าวถือเป็นผลบวกต่อตลาดแพนด้าบอนด์ที่เชื่อมโยงบริษัทต่างชาติกับนักลงทุนชาวจีน
Clifford Lee หัวหน้าฝ่ายตราสารหนี้โลกของ DBS กล่าวว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลให้มีการออกแพนด้าบอนด์เพิ่มขึ้นในปีนี้ คือการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบของทางการจีนกำหนดให้ผู้ที่ต้องการออกพันธบัตรสกุลเงินหยวนนอกประเทศจะต้องได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการก่อน ทำให้มีบริษัทต่างชาติหลายแห่งเลือกที่จะเข้ามาออกพันธบัตรในตลาด Onshore ของจีนมากขึ้น
Gary Ng นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Natixis ในฮ่องกง ระบุว่า แม้ว่าเทรนด์ที่เกิดขึ้นจะมีส่วนช่วยให้ความแพร่หลายของเงินหยวนปรับสูงขึ้น ซึ่งตรงกับนโยบายของทางการจีนที่ต้องการส่งเสริมการใช้เงินหยวนในระดับนานาชาติ แต่ผู้กำหนดนโยบายจีนก็กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่เช่นกัน เพราะในทางกลับกันหากบริษัทเหล่านี้ทำการสวอปเงินที่ระดมทุนได้ไปเป็นสกุลอื่นๆ ก็จะสร้างแรงกดดันในทางลบต่อเงินหยวนเช่นกัน
อ้างอิง:
