บมจ.ณุศาศิริ ชี้แจงกรณีศาลอังกฤษาตัดสินให้ ‘ณพ ณรงค์เดช’ และพวกรวม 14 คน จ่ายค่าเสียหายรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ให้แก่ นพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และอดีต CEO วินด์ เอนเนอร์ยี่ ไม่กระทบลงทุนหุ้น WEH เหตุเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้น ไม่เกี่ยวข้องกับ WEH
วิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่าศาลอังกฤษได้มีคำตัดสินให้ ณพ ณรงค์เดช และพวกรวม 14 คน จ่ายค่าเสียหายรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ให้แก่ นพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้ง และอดีต CEO ของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จํากัด หรือ WEH นั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- NUSA แจงไร้แผนทำ Backdoor ‘วินด์ เอนเนอร์ยี่’ พร้อมระบุไม่ใช่การครอบงำกิจการ เหตุมีมูลค่าไม่ถึง 100% ของ NTA
- ก.ล.ต. สั่ง NUSA ให้ชี้แจงและปรับปรุงข้อมูลดีลเพิ่มทุน PP แลกหุ้น ‘วินด์ เอนเนอร์ยี่ฯ’ มูลค่า 1.17 หมื่นล้านบาท ให้ครบถ้วนถูกต้อง
- ตลท. เตือนเกาะติดคำชี้แจงงบการเงิน 1Q66 ของ NUSA หลังผู้สอบบัญชีพบความซับซ้อนการจัดโครงสร้างผู้ขายโรงแรมในเยอรมนี ขีดเส้นตาย 25 ก.ค. นี้
โดย บมจ.ณุศาศิริ ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทในฐานะผู้ถือหุ้นใน WEH ในสัดส่วน 7.12% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ WEH ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ต่อคำตัดสินดังกล่าว เนื่องจากเป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นฝ่ายหนึ่งกับผู้ถือหุ้นอีกฝ่ายหนึ่งของ WEH โดยบริษัทได้รับการยืนยันจากผู้บริหารของ WEH ว่าข้อพิพาทดังกล่าวไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตัวบริษัท WEH อีกทั้งหุ้นที่ บมจ.ณุศาศิริ เข้าซื้อจำนวน 7.12% ใน WEH ไม่ได้อยู่ในข้อพิพาทดังกล่าวแต่อย่างใด
‘ประเดช’ หุ้นใหญ่ NUSA จ่ายค่าหุ้นวินด์ เอ็นเนอร์ยี่ ครบถ้วน
ด้านประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ บมจ.ณุศาศิริ เปิดเผยข้อเท็จจริงว่า เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2560 ณพ ณรงค์เดช และณัฐวุฒิ เภาโบรมย์ ได้พากันมาขอให้ตนช่วยซื้อหุ้น WEH จากบริษัท GML ซึ่งมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท WEH เนื่องจากณพต้องการนำเงินไปจ่ายค่าซื้อหุ้น WEH จากนพพร ศุภพิพัฒน์ ไม่เช่นนั้นธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จะไม่ปล่อยสินเชื่อเงินกู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม 5 โครงการ (T5) ให้แก่ WEH รวมถึงโครงการพลังงานลมวะตะแบกก็จะไม่สามารถเบิกเงินกู้จาก SCB มาใช้ในการก่อสร้างต่อไปได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับ WEH
สำหรับราคาหุ้น WEH ที่ณพเสนอขายหุ้นรวมเป็นเงินทั้งหมด 5.9 พันล้านบาท ในราคาหุ้นละ 410 บาท โดยมีข้อตกลงให้ชำระเงินจำนวนครึ่งหนึ่งในวันโอนหุ้น ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งให้ชำระเมื่อ WEH ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (IPO) ได้ ตนและนักลงทุนอีก 32 ราย จึงรวมเงินกันมาซื้อหุ้นดังกล่าวและมีการจ่ายเงินตามที่ตกลงไว้ครบถ้วน
ทั้งนี้ ในการตัดสินใจซื้อหุ้นในตอนนั้น ประเดชยืนยันว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่าณพซื้อหุ้นมาในราคาเท่าไร แต่มารู้ในภายหลังว่าณพซื้อหุ้นจากนพพรมาในราคาหุ้นละประมาณ 370 บาทต่อหุ้น ดังนั้นหุ้นที่ตนซื้อมาจึงมีราคาสูงกว่าหุ้นที่ณพได้ซื้อมาจากนพพร
สำหรับการซื้อหุ้นดังกล่าว ประเดชมีความตั้งใจและเจตนาเพื่อเป็นการช่วยให้ WEH ไม่ได้รับความเสียหาย สามารถดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม T5 ต่อไปได้ จนเป็นที่มาของโรงไฟฟ้าพลังงานลม T5 ในปัจจุบัน ทั้งตนได้รับคำยืนยันจาก SCB ในขณะนั้นว่า หากซื้อหุ้นและชำระเงินค่าซื้อหุ้นให้แก่ณพแล้ว SCB จะปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T5 รวมถึงได้รับการยืนยันว่าหุ้นที่ซื้อจะไม่มีปัญหา เพราะการที่ณพถูกนพพรฟ้องที่อนุญาโตตุลาการประเทศสิงคโปร์เป็นเรื่องการฟ้องให้ชำระหนี้เงินค่าหุ้น ไม่ใช่ฟ้องเรียกเอาหุ้นที่ซื้อคืน
ส่วนกรณีที่ศาลสูงแห่งประเทศอังกฤษและเวลส์ (ศาลอังกฤษ) ได้มีคำพิพากษาใดก็ตาม ไม่มีผลผูกพันกับศาลไทยที่จะต้องปฏิบัติตามศาลอังกฤษที่มีคำพิพากษาไว้ หากจะให้มีผลผูกพันตามกฎหมายไทย ต้องยื่นฟ้องกันใหม่ในประเทศไทยเท่านั้น
ในส่วนของประเดชนั้นไม่ได้ไปต่อสู้คดีที่ศาลอังกฤษ และน่าจะมีฝ่ายใดให้การหรือเบิกความถึงข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จ ซึ่งพิจารณาดูตามคำพิพากษาของศาลอังกฤษแล้วอาจเป็นการฟังความจากฝ่ายเดียว ฉะนั้นความจริงจะปรากฏเมื่อหากคู่ความฝ่ายใดในคดีที่ศาลอังกฤษได้ยื่นฟ้องในศาลไทย ซึ่งหากมีการให้การเท็จใดๆ บุคคลนั้นอาจจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ ซึ่งประเดชพร้อมจะพิสูจน์ความจริงที่ศาลไทย