×

พิธาให้สัมภาษณ์ CNN ฝากถึงผู้สนับสนุน “เราจะชนะอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่ในทันที”

26.07.2023
  • LOADING...
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์กับ คริสเตียน อมันปูร์ นักข่าวอาวุโสของสถานีโทรทัศน์ CNN เมื่อคืนนี้ โดย CNN ได้รายงานสถานการณ์ทางการเมืองในไทยที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่พรรคก้าวไกลสามารถกวาดที่นั่ง ส.ส. ไปได้มากที่สุดในการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่กลับไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ 

 

อมันปูร์กล่าวถึงสถานการณ์อันร้อนแรงในไทยว่า ขณะนี้บรรดาผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลได้ลงถนนประท้วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่อนาคตนั้นยังยากที่จะคาดเดา พร้อมทั้งถามพิธาเกี่ยวกับแนวคิดของคนรุ่นใหม่ รวมถึงความต้องการของพวกเขาที่อยากเห็นการปฏิรูปใหม่ๆ โดยกล่าวว่า “จะเกิดอะไรขึ้นกับบรรดาผู้สนับสนุนของคุณ บรรดาผู้ที่กำลังประท้วงอยู่ตามท้องถนน รวมถึงแนวคิดด้านประชาธิปไตยในประเทศไทย ในเมื่อคนที่ชนะการเลือกตั้งกลับถูกขัดขวางไม่ให้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี”

 

พิธาตอบว่า “ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้ประท้วงกำลังเรียกร้องในตอนนี้คือในระบอบประชาธิปไตยทั่วไปที่ดำเนินไปตามกลไกตามปกติ ผู้ใดก็ตามที่ชนะการเลือกตั้งควรได้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีทั้งอำนาจและความชอบธรรมในการเป็นผู้นำประเทศ 

 

“อย่างไรก็ตาม สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันในไทยนั้นผมขออธิบายบริบทให้ผู้ชมได้เข้าใจก่อนว่า มันเป็นการปะทะกันทางการเมืองระหว่าง ‘ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งมา’ และ ‘ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมา’”

 

พิธาอธิบายเสริมว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นกลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งตรงนี้พรรคของเขาก็ชนะในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนสมาชิกวุฒิสภานั้นมาจากการแต่งตั้งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หลังจากที่มีการทำรัฐประหาร

 

“ดังนั้นแล้วในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คุณจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งมาและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งมา นี่คือสภาพภูมิทัศน์ของการเมืองไทยแบบย่อๆ”

 

ต่อมาอมันปูร์ได้สอบถามเกี่ยวกับปมถือหุ้นสื่อว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งพิธาก็ได้ชี้แจงว่า ความจริงแล้วเขาไม่ได้ถือหุ้นดังกล่าว แต่เป็นหุ้นของบิดาที่เสียชีวิตไปแล้ว และหุ้นที่ว่านี้ก็เป็นบริษัทสื่อที่ปิดกิจการไปแล้วเมื่อ 17 ปีก่อน หรือสถานีโทรทัศน์ ITV ที่คนไทยรู้จักกันดี

 

“ในฐานะผู้จัดการมรดก ผมไม่มีทางได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองใดๆ จากการถือหุ้นเหล่านั้น แต่บังเอิญคดีของผมถูกตัดสินก่อนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภาเพียง 2 ชั่วโมง นั่นเป็นความบังเอิญ และทำให้เกิดข้อกังขาจากทั้งสื่อไทยและสื่อต่างประเทศที่ติดตามการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด”

 

อมันปูร์ถามต่อไปว่า จากสถานการณ์ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นมีการตั้งข้อสังเกตว่า พิธาอาจจะไม่ได้ชวดแค่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ข้อกล่าวหาดังกล่าวอาจทำให้พิธาไม่มีโอกาสแม้แต่ดำรงตำแหน่งในรัฐสภาอีกต่อไป พิธาจะสามารถเอาชนะกรณีนี้ได้หรือไม่ เพื่อฟื้นฟูเส้นทางอาชีพทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

 

พิธากล่าวว่า เขามองว่าการเสนอชื่อเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ‘ยังคงมีความเป็นไปได้’ ส่วนคำถามที่ว่าเขาสามารถทำอะไรเพื่อต่อสู้ได้บ้างนั้น เขาคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเขาควรมีสิทธิในการอุทธรณ์ สิทธิในการโต้แย้ง และสิทธิที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จากแง่มุมของตัวเอง แต่ปัจจุบันเขายังไม่ได้รับโอกาสเหล่านั้น

 

“ถ้าศาลรัฐธรรมนูญเรียกผมให้ไปชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับการถือครองหุ้นสื่อต่อจากพ่อของผมในฐานะผู้จัดการมรดก ผมหวังว่าเรื่องนี้จะกระจ่างขึ้น และหวังว่าการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะกลับมาดำเนินต่อไป”

 

อมันปูร์สอบถามพิธาต่อเกี่ยวกับนโยบายของพรรคก้าวไกลที่เสนอให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นประเด็นเปราะบางที่หลายฝ่ายโจมตีพิธามาโดยตลอด จนถึงขั้นที่มีผู้กล่าวไว้ว่า พิธา ‘ขุดหลุมฝังตัวเอง’ ด้วยการเสนอนโยบายที่ว่านี้ และในประเด็นนี้พิธารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปหรือไม่

 

“ผมไม่รู้สึกเสียใจแม้แต่น้อย” พิธากล่าว ก่อนที่จะเสริมด้วยว่า เขาคิดว่าการคงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นเป็นเป้าหมายของคนไทยทุกคน แต่ถึงเช่นนั้นแนวทางของแต่ละฝ่ายอาจมีความแตกต่างกัน กลุ่มคนที่พยายามต่อต้านความพยายามของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 อาจมองว่า การแก้ไขกฎหมายอาจเปิดช่องให้คนมาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ได้ แต่สำหรับตัวเขาเขาคิดว่า ถ้าสามารถปรับแก้กฎหมายให้ทัดเทียมกับนานาชาติได้ กฎหมายนี้ก็จะไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองนำสถาบันฯ มาข้องแวะกับประเด็นทางการเมือง หรือใช้สถาบันฯ มาทำลายคู่แข่งผ่านกลไกของมาตรา 112 หรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

“ดังนั้นสิ่งที่เราพยายามทำคือ การรักษาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และวางสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้อยู่เหนือการเมือง แต่เห็นได้ชัดว่าผู้คนใช้สิ่งนั้นเป็นอาวุธกับเราเพื่อทำลายเรา

 

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ถ้าคุณติดตามการเมืองไทยอย่างใกล้ชิดทุกๆ ทศวรรษ 10 ปีก่อน 20 ปีก่อน หรือ 30 ปีก่อน มักมีผู้ที่นำสถาบันกษัตริย์มาใช้ประโยชน์ทางการเมือง นั่นคือสิ่งที่เราพยายามจะหยุดยั้ง เพื่อให้หลุดพ้นจากความขัดแย้งทางการเมือง”

 

อมันปูร์ถามคำถามต่อมาว่า ดังที่พิธาเคยกล่าวมาข้างต้นว่าประเทศไทยถูกปกครองด้วยรัฐบาลทหารตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2557 พิธาคิดว่ารัฐบาลทหารรู้สึกกังวลเกี่ยวกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของพิธาหรือสิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามจะปฏิรูปหรือไม่ จึงทำให้มีการขัดขวางเกิดขึ้น

 

พิธากล่าวว่า เป้าหมายของพรรคก้าวไกลสามารถสรุปได้เป็น ‘3D’ ประการแรกคือ Demonopolize ทลายทุนผูกขาด, Decentralize กระจายอำนาจอย่างทั่วถึง และท้ายสุดคือ Demilitarize หรือเอาทหารออกจากการเมือง 

 

“แน่นอนว่าต้องมีการปฏิรูปอย่างหนักเพื่อเอาทหารออกจากการเมือง เพื่อสร้างหลักประกันว่ากองทัพจะมีความเป็นมืออาชีพและทันต่อความท้าทายของโลกในยุคศตวรรษที่ 21”

 

นอกจากนี้พิธายังกล่าวถึงการทลายทุนผูกขาดในโครงสร้างเศรษฐกิจของไทย รวมถึงการกระจายบริการสาธารณะไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองหลวง เพราะ ‘กรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทย และประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพฯ’ ซึ่งชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้อาจเผชิญกับแรงต่อต้านจากทหาร จากทุนสีกากี หรือจากข้าราชการ แต่เขาก็หวังว่าจะมีเวลามากพอที่จะได้โน้มน้าวและอธิบายว่าสถานการณ์ดังกล่าวเป็นอะไรที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย และเป็นทางออกสำหรับประเทศไทยในการก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางความท้าทายในปัจจุบัน 

 

การสัมภาษณ์ดำเนินมาถึงช่วง 90 วินาทีสุดท้าย ซึ่งอมันปูร์ได้ถามพิธา 2 คำถามด้วยกันคือ พิธาอยากฝากอะไรถึงบรรดาผู้สนับสนุนที่ลงถนนประท้วงอยู่ในขณะนี้ และเขาจะสนับสนุนพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยหรือไม่

 

สำหรับคำถามแรกนั้นพิธากล่าวว่า “ถึงผู้สนับสนุนทุกคน เราจะชนะอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่ในทันที ผมหวังว่าเราจะสามารถเก็บสะสมชัยชนะก้าวเล็กๆ เพื่อขับเคลื่อนประเทศต่อไปข้างหน้าด้วยกัน”

 

ส่วนคำถามที่ 2 นั้นพิธากล่าวชัดเจนว่า เขาพร้อมสนับสนุนพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาลผสม 

 

“เพราะไม่ใช่แค่เป้าหมายส่วนตัวของผมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมคิดว่าเราต้องหยุดประเทศไทยจากวงจรปัญหาของเผด็จการทหาร”

 

ภาพ: CNN

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X