การโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดของรัสเซียที่เมืองโอเดสซา เมืองท่าสำคัญติดทะเลดำ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครน วานนี้ (23 กรกฎาคม) นอกจากจะส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายแล้ว ยังสร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่ ‘อาสนวิหารพระเยซูจำแลงพระกาย (Transfiguration Cathedral)’ ซึ่งเป็นอาสนวิหารคริสต์ออร์โธดอกซ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1794
โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมากองทัพรัสเซียได้ระดมโจมตีทางอากาศด้วยโดรนและขีปนาวุธ ถล่มหลายเมืองติดทะเลดำของยูเครนอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากที่ถอนตัวจากข้อตกลงส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่การโจมตีอาสนวิหารเก่าแก่แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่ได้รับการคุ้มครองจากองค์การ UNESCO ส่งผลให้ ออเดรย์ อาซูเลย์ ผู้อำนวยการใหญ่ของ UNESCO ออกมาประณามการโจมตีที่เกิดขึ้นว่า เป็นการขยายการใช้ความรุนแรงต่อมรดกทางวัฒนธรรมของยูเครน
กระทรวงวัฒนธรรมยูเครนเปิดเผยผลการตรวจสอบพบว่า การโจมตีของรัสเซียสร้างความเสียหายแก่อนุสรณ์สถานของยูเครนแล้ว 29 แห่ง ซึ่งล้วนเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ
ขณะที่รัฐบาลยูเครนประณามการโจมตีอาสนวิหารที่เกิดขึ้นว่าเป็นการก่อ ‘อาชญากรรมสงคราม’ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาอาสนวิหารแห่งนี้ถูกทำลายมาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกจากฝีมือสตาลิน และครั้งล่าสุดโดยปูติน
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประกาศคำมั่นว่าจะตอบโต้ และจะทำให้รัสเซียรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้อย่างแน่นอน
“เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้คนทั่วโลกคุ้นชินกับการโจมตีของผู้ก่อการร้าย เป้าหมายของขีปนาวุธเหล่านี้ไม่ใช่แค่เมือง หมู่บ้าน หรือผู้คน เป้าหมายคือมนุษยชาติและรากฐานของวัฒนธรรมยุโรปทั้งหมดของเรา” เซเลนสกีกล่าว
อ้างอิง: