ช่วงนี้อยู่ในห้วงเวลาที่ชายไทยต้องไปแสดงตนเป็นทหารกองเกิน หรือที่เรียกว่า ‘เกณฑ์ทหาร’ โดยชายที่มีสัญชาติไทย เมื่อมีอายุย่างเข้า 21 ปี ในพุทธศักราชใด ต้องไปแสดงตนเพื่อรับหมายเรียกที่อำเภอท้องที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาทหารของตนภายในพุทธศักราชนั้น
สำหรับปีนี้บรรยากาศการตรวจเลือกทหารกองเกินเป็นทหารกองประจำการประจำปี 2561 มีชายไทยบางส่วนสมัครใจรับราชการทหาร บางส่วนขอผ่อนผัน และบางส่วนขอลุ้นจับใบดำใบแดง
ขณะที่เช้าวันนี้ที่โรงเรียนวัดทองใน ซอยสุขุมวิท 77 กรุงเทพมหานคร มีชายไทยที่เข้าเกณฑ์ตามที่ทางราชการกำหนดเข้ารับการตรวจเลือกจำนวนมาก รวมถึง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม หลานชายของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่มารอเข้ารับการตรวจเลือกด้วย
นายพริษฐ์ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ว่า ที่ตนเองมารายงานตัวในวันนี้เป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมาย และเมื่อเป็นชายไทย เป็นคนไทย เมื่ออยู่ภายใต้กฎหมายก็มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม
“ผมตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าต้องการสมัครเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำการในสังกัดกองทัพบก โดยเหตุผลแรกก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงความตรงไปตรงมาและความโปร่งใส เหตุผลต่อมาคือเมื่อผมรักในเสรีนิยม การสมัครใจจึงเป็นเรื่องที่มาจากภายใน”
อย่างไรก็ตาม นายพริษฐ์ต้องรอผลจากคณะกรรมการการตรวจเลือกฯ ว่าจะเข้าเกณฑ์ใดบ้าง ทั้งนี้หากได้รับการคัดเลือก จะต้องเข้าประจำการในผลัดแรกตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีระยะเวลาประจำการ 6 เดือน
สำหรับ ไอติม หรือ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นบุตรชายของ ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ ศ.พญ.อลิสา วัชรสินธุ หัวหน้าหน่วยจิตเวชเด็ก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งเป็นพี่สาวคนโตของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
ส่วนการศึกษาจบปริญญาด้านปรัชญา เศรษฐศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ