ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์เป็นสาเหตุสำคัญของโลกที่กำลังร้อนขึ้นในทุกๆ วัน ต้นเหตุจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ลอยขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากการใช้รถยนต์ และหากอ้างอิงจากสถิติจำนวนรถที่จดทะเบียนใหม่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในปีที่แล้วที่มีสถิติสูงถึง 3,067,278 คัน (จํานวนรถที่จดทะเบียนใหม่ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม ถึง 31 ธันวาคม 2560)
ฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ยึดมั่นและขับเคลื่อนสังคมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ตลอดมา ไม่เพียงแค่ในปัจจุบัน แต่ยังมองไกลถึงอนาคตข้างหน้าไปร่วม 12 ปี ดังวิสัยทัศน์ใหม่ของฮอนด้าที่ว่า ‘Vision 2030’ ไม่ว่าจะเป็นการอาศัยอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมเมือง สิ่งแวดล้อม รวมไปถึงยานพาหนะและพลังงานทดแทนในรูปแบบใหม่ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับผู้คนทั่วโลก และยังคงมุ่งมั่นเป็นผู้นำในการสร้างสังคมปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วย
โดยนวัตกรรมเด่นที่ฮอนด้าได้คิดค้นและมุ่งมั่นพัฒนายานยนต์พลังงานทางเลือกใหม่ๆ ได้แก่ คลาริตี้ ซีรีส์ ที่มีขุมพลังในการขับเคลื่อนที่ต่างกันไป คือ
Honda Clarity Fuel Cell หรือรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิงที่ใช้แผงเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Stack) เทคโนโลยีใหม่จากฮอนด้า ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของฮอนด้า และนับเป็นที่สุดของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานสะอาดที่ไม่มีค่าไอเสีย เพราะเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจนไม่ก่อให้เกิดไอเสียใดๆ นอกจากน้ำสะอาดที่มาจากการทำงานของระบบภายในเท่านั้น และยังสามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 750 กิโลเมตรต่อการเติมไฮโดรเจน 1 ถัง
Honda Clarity Plug-In Hybrid รถพลังงานไฟฟ้าซึ่งสามารถวิ่งได้ระยะทาง 100 กิโลเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับรถปลั๊ก-อิน ไฮบริดขนาดกลางรุ่นอื่นๆ
Honda Clarity Electric รถยนต์ซีดานที่เน้นความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร เมื่อชาร์จไฟด้วยกระแสไฟฟ้าตรง จะสามารถชาร์จไฟ 80 เปอร์เซ็นต์ได้ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น
นอกจากนี้ยังได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อร่วมสร้างสังคมปลอดการชน โดยได้พัฒนา ระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ
Automated Driving หรือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของฮอนด้า ซึ่งมาจากแนวคิดที่ว่าสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนส่วนใหญ่มักเกิดจากความผิดพลาดของมนุษย์ จึงคิดค้นเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยเน้นให้ความสำคัญกับการแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ ปัจจุบันเทคโนโลยีที่พัฒนาเพื่อตอบโจทย์นี้คือ Honda Sensing ระบบที่ผสานการทำงานของเรดาห์กับกล้องด้านหน้าในการตรวจจับสภาวะแวดล้อมบนท้องถนนแล้วแจ้งเตือนไปยังผู้ขับขี่ และในอนาคตเมื่อสังคมปลอดอุบัติเหตุ ระบบ Automated Driving คงถูกพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น และสามารถนำมาใช้งานได้จริง เพื่อให้คนทุกเพศทุกวัยมีอิสระในการเดินทางกันมากขึ้น
เพิ่มเติมจากการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานทางเลือกรูปแบบต่างๆ เพื่อสังคมปลอดคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคมปลอดอุบัติเหตุแล้ว ฮอนด้ายังได้มุ่งมั่นและทุ่มเทในการพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต เพื่อให้ผู้คนได้ขยายศักยภาพในการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีบางส่วนที่กำลังพัฒนาอยู่ได้แก่
Honda NeuV รถยนต์ต้นแบบที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติด้วยพลังงานไฟฟ้าผสานฟังก์ชันการขับเคลื่อนอัตโนมัติและเทคโนโลยี AI ได้อย่างลงตัวที่สุด มีการเรียนรู้ไลฟ์สไตล์และความชอบของคนขับและแบ่งการใช้งานกับผู้อื่นได้ หากได้รับการอนุญาตจากเจ้าของ
Honda Sport EV Concept รถยนต์ดีไซน์ตัวถังอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยี AI ไว้ได้อย่างลงตัว และด้วยรูปร่างที่โค้งมน จึงการันตีได้ถึงการขับขี่ที่สนุกและเร้าใจสไตล์รถสปอร์ต
Honda Urban EV Concept รถยนต์ต้นแบบที่ถูกพัฒนามาเพื่อใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงเท่านั้น ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด จึงเหมาะกับการขับขี่ในเมือง รองรับการสื่อสารระหว่างผู้ขับกับรถผ่านเทคโนโลยี AI และสามารถแสดงข้อความและทักทายผู้คนได้ผ่านหน้าจอแสดงผลด้านหน้ารถ
Honda Riding Assist-e รถจักรยานยนต์ที่มีระบบช่วยการทรงตัว อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ที่ได้วิจัยกับหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ สามารถทรงตัวอยู่ได้เองแม้ขณะขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ เพื่อช่วยลดการแบกรับน้ำหนักของผู้ขับขี่ ทำให้ขับขี่ได้ง่ายและสนุกยิ่งขึ้น
UNI-CUB β พาหนะส่วนบุคคลที่ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด ‘การกลมกลืนร่วมกับผู้คน’ และสามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่ผู้คนสัญจรผ่านไปมา สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระในทิศทางด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง และในแนวทแยงมุม เพียงแค่โน้มตัวไปในทิศทางที่ต้องการ และการเชื่อมต่อการใช้งานแอปพลิเคชัน (API – Application Program Interface) จึงสามารถควบคุมพาหนะส่วนบุคคลเครื่องนี้ได้จากระยะไกล และสามารถใช้งานได้หลายแบบ
Safe Swarm ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกธรรมชาติ เป็นการเลียนแบบพฤติกรรมของฝูงปลาเพื่อทำให้การจราจรลื่นไหลและคล่องตัว ใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อการสื่อสารระหว่างรถยนต์แต่ละคันผ่านอินเทอร์เน็ต เพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับสภาพถนนและสิ่งกีดขวางบนถนน ซึ่งช่วยลดความติดขัดของการจราจรให้ลื่นไหลและคล่องตัวมากยิ่งขึ้น
Honda HMI (Human Machine Interface) เป็นระบบการจดจำภาพที่มีการขับขี่อัตโนมัติ รวมถึงมีหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ ที่รวมเอาระบบหน้าจอสัมผัสและการควบคุมจากระยะไกลเข้าไว้ด้วยกัน ที่ทำให้การขับขี่สะดวกสบายและปลอดภัยมากกว่าเดิม
LiB-AID E500 แบตเตอรี่แปลงพลังงานไฟฟ้าขนาดพกพา ที่ให้พลังงานไฟฟ้าคุณภาพสูง เทียบเท่ากับแหล่งพลังงานจากภายในบ้าน จึงเป็นแบตเตอรี่แปลงพลังงานไฟฟ้าที่พกพาได้อย่างสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ ที่สำคัญไม่มีการปล่อยค่าไอเสียอีกด้วย
โดยในปีนี้ ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2018 อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม ถึง 8 เมษายนนี้ ทางฮอนด้าได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตมาจัดแสดงด้วยกัน 3 นวัตกรรม ซึ่งไฮไลต์ของงานนี้คือ ‘ฮอนด้า คลาริตี้ ฟิวเซลล์’ ยนตรกรรมพลังงานไฮโดรเจนปราศจากไอเสีย และทดลองขับขี่ ‘ยูนิ-คับ เบต้า’ พาหนะส่วนบุคคลเพื่อการเคลื่อนที่รอบทิศทางที่พัฒนาต่อยอดจากหุ่นยนต์อัจฉริยะ ‘อาซิโม’ และสัมผัส ‘ฮอนด้า โรโบแคส’ รถเข็นอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและสามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
อ้างอิง:
- สำหรับแฟนๆ ของฮอนด้าที่รอคอยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ พบกับ ‘Honda Civic Hatchback’ สีใหม่ สีแดงแรลลี ที่จะมาปลุกเร้าจิตวิญญาณแห่งความสปอร์ตของฮอนด้าอย่างเต็มขั้น รวมถึง ‘Honda BR-V’ สปอร์ต แพ็กเกจ ที่มาพร้อมชุดแต่งเสริมความแกร่ง โฉบเฉี่ยวในสไตล์สปอร์ต และ ‘Honda Brio Amaze’ ใหม่ แบล็ก สปอร์ต สเปเชียล เอดิชัน อีโคคาร์ระดับพรีเมียมกับชุดอุปกรณ์ตกแต่งจาก Modulo เอาใจผู้ที่ชื่นชอบความสปอร์ตเร้าใจ ทุกรุ่นมาพร้อมข้อเสนอโดนใจ และข้อเสนอสุดพิเศษจากแคมเปญ ‘ฮอนด้า ด้วยรักและขอบคุณ’ เรียกได้ว่าเป็นงานที่รวมทุกความล้ำของเทคโนโลยีที่สร้างสรรค์จากฮอนด้ามาไว้ภายในงานเดียว #แฟนๆฮอนด้าห้ามพลาด
- รายละเอียดเพิ่มเติมwww.honda.co.th/th/motorshow2018/