รายงานการประชุมประจำเดือนมิถุนายนของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) เผยแพร่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (5 กรกฎาคม) พบว่า สมาชิกคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ Fed เกือบทุกคนเห็นชอบให้ Fed ระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมิถุนายน แต่ขณะเดียวกันเสียงส่วนใหญ่ต่างก็เห็นตรงกันว่า Fed ยังคงจำเป็นต้องยกระดับนโยบายการเงินให้เข้มงวดต่อไป
โดยรายงานการประชุมของ Fed หรือ Minutes ระบุว่า แม้มีเสียงส่วนหนึ่งที่อยากให้ Fed เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในเดือนมิถุนายน เพื่อรักษาโมเมนตัมที่เงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณเติบโตช้าลง กระนั้นเกือบทั้งหมดก็เห็นตรงกันว่าการระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม เนื่องจากช่วยให้สมาชิกคณะกรรมการมีเวลามากขึ้นในการประเมินผลความคืบหน้าของสถานการณ์เศรษฐกิจ หลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2022
ขณะเดียวกันการระงับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังทำให้ Fed สามารถประเมินต่อไปได้ว่าจะยังปรับขึ้นทิศทางอัตราดอกเบี้ยต่อไปหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำเดือนมิถุนายนของ Fed ได้รับการจับตามองจากบรรดานักวิเคราะห์และนักลงทุนในตลาด เพราะนอกจากจะเป็นตัวบอกรายละเอียดของนโยบายการเงิน หลายฝ่ายยังใช้เป็นตัวอ้างอิงเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
รายงานระบุว่า จากการประชุมของ Fed ในเดือนมิถุนายนบ่งชี้ว่า Fed มีโอกาสที่จะกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมประจำเดือนกรกฎาคม ระหว่างวันที่ 25-26 นี้ โดยสหรัฐฯ มีโอกาสมากขึ้นที่จะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย (Mild Recession) ในช่วงปลายปีนี้
โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของ Fed โหวตด้วยคะแนน 16 ต่อ 18 คาดหวังให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25-0.50% ภายในสิ้นปี 2023 แต่ยังมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งต่างจับตารายงานการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ (7 กรกฎาคม) ว่าจะสะท้อนสัญญาณอ่อนตัวลงเพิ่มเติม เปิดทางให้ Fed เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ต่อไปหรือไม่
Joe Manimbo นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Convera ระบุว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ที่แสดงให้เห็นความอึดในช่วงที่ผ่านมา แต่เงินเฟ้อที่สูงก็ทำให้ Fed ส่งสัญญาณชัดเจนว่าหนทางยุติการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดยังคงอยู่อีกยาวไกล
ขณะเดียวกันท่าทีของ Fed ที่ตอกย้ำความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินหลักในตะกร้าแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน โดยกองทุนฟิวเจอร์ส Fed แสดงให้เห็นว่าตัวเลขคาดหวังที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% หลังการประชุมเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเป็น 88.7%
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 0.262% เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและค่าเงินเยน โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.21% อยู่ที่ 1.0854 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินเยนอยู่ที่ราว 144.48 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
อ้างอิง: