ศูนย์คาดการณ์สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมแห่งชาติสหรัฐอเมริการะบุว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา อุณหภูมิเฉลี่ยโลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติมา โดยวัดอุณหภูมิเฉลี่ยโลกได้สูงถึง 17.01 องศาเซลเซียส สูงกว่าสถิติเดิมที่เคยวัดได้ที่ 16.92 องศาเซลเซียส เมื่อเดือนสิงหาคม 2016
หลายพื้นที่ทั่วโลก เช่น พื้นที่ทางตอนใต้ของสหรัฐฯ รวมถึงหลายมณฑลในจีนและพื้นที่แถบแอฟริกาเหนือต่างเผชิญหน้ากับการแผ่ปกคลุมของคลื่นความร้อนที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยมีแนวโน้มที่จะรุนแรงและยาวนานยิ่งขึ้น โดยแถบแอฟริกาเหนือวัดอุณหภูมิเฉลี่ยได้สูงถึงเกือบ 50 องศาเซลเซียส
ขณะที่ เฟรเดอริก ออตโต นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศประกาศเตือนว่า “นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่เราจะมาร่วมกันเฉลิมฉลอง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นโทษประหารชีวิตสำหรับผู้คนและระบบนิเวศบนโลก”
โดยบรรดานักวิทยาศาสตร์ต่างเห็นพ้องกันว่าการที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติมานั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลพวงมาจากวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ประกอบกับปรากฏการณ์เอลนีโญที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
ทางด้าน เซเก เฮาส์ฟาเธอร์ นักวิจัยด้านสภาพอากาศประจำสถาบัน Berkeley Earth ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สถิตินี้จะไม่ใช่การทำลายสถิติใหม่เป็นครั้งแรกของปีนี้ หลังจากที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศโลกยังคงเพิ่มสูงขึ้น ยังไม่นับรวมปรากฏการณ์เอลนีโญที่มีแนวโน้มจะทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยโลกทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้นี้
แฟ้มภาพ: STR / AFP
อ้างอิง: