ธนาคารโลก (World Bank) ระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะค่อยๆ ฟื้นตัวเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ระดับผลผลิตน่าจะยังคงต่ำกว่าระดับศักยภาพไปจนถึงปี 2568 พร้อมทั้งปรับลดอัตราการเติบโตที่ระดับศักยภาพในระยะยาวเหลือ 3.0% ช้ากว่าเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 3.6%
ในรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย (Thailand Economic Monitor) ประจำเดือนมิถุนายน 2566 ธนาคารโลก (World Bank) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะเร่งตัวขึ้นจากโต 2.6% ในปี 2565 เป็น 3.9% ในปี 2566 สูงกว่าที่คาดการณ์ในเดือนเมษายนที่ 3.6% โดยมีสาเหตุหลักมาจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว รวมถึงอุปสงค์จากจีนที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ในประมาณการเดิม
อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าคาดว่าจะหดตัวตามการชะลอลงของอุปสงค์ในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว ขณะที่ด้านการบริโภคภาคเอกชนแม้จะมีแนวโน้มชะลอลงบ้าง หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นจากการเปิดเมืองในปีก่อน แต่จะยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับแรงสนับสนุนจากตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น และอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจากประเทศจีน
สำหรับประมาณการ GDP ในปี 2567 และ 2568 คาดว่า จะขยายตัวที่ 3.6% และ 3.4% ตามลําดับ โดยการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก เนื่องจากอุปสงค์ภายนอกที่ลดลง
World Bank ประเมินเศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าระดับศักยภาพถึงปี 2568
รายงานยังระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ระดับผลผลิต (Output) ยังไม่น่าจะกลับไปสู่ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด และคาดว่าจะยังคงต่ำกว่าระดับศักยภาพในปี 2566 ไปจนถึงปี 2568
โดยการกลับสู่เส้นทางดังกล่าวอาจช้าลงไปอีกจากสภาพแวดล้อมภายนอกที่ยากลําบาก และราคาพลังงานที่อาจกลับมาสูงขึ้น ความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาลอาจทําให้การลงทุนภาครัฐหยุดชะงัก ความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, ระดับการสะสมทุนที่ต่ำ, ความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกที่ลดลง และหนี้ครัวเรือนที่สูง อาจเป็นปัจจัยจํากัดการเติบโตที่ระดับศักยภาพ
ทั้งนี้ ในรายงานฉบับล่าสุด World Bank คาดการณ์ว่า อัตราการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่ระดับศักยภาพในระยะยาวจะอยู่ที่ประมาณ 3.0% ช้ากว่าเดิมที่เคยประเมินไว้ที่ 3.6% ในช่วงปี 2553-2562