×

คืบหน้าคดี STARK ล่าสุด ก.ล.ต. เข้าให้ข้อมูล DSI – บก.ปอศ. แล้ว ด้าน ตลท. เตรียมประกาศใช้เครื่องหมายใหม่ เตือนหุ้นเสี่ยงมีปัญหาล่วงหน้า

26.06.2023
  • LOADING...
หุ้น STARK

11 หน่วยงานตั้งโต๊ะแถลงความคืบหน้าปัญหา STARK ด้าน ก.ล.ต. เข้าพบให้ข้อมูล DSI – บก.ปอศ. แล้ว พร้อมร่วมมือใช้กฎหมายลงโทษคนผิด ด้านตลาดหลักทรัพย์เตรียมออกเครื่องหมายใหม่ขึ้นเตือนล่วงหน้าหุ้นเสี่ยงมีปัญหา ส่วนทริสฯ เข้มทำเรตติ้งหุ้น Backdoor – ไม่ทำเรตติ้งหุ้นผู้บริหารมีประวัติเสียด้านธรรมาภิบาล 

 

วันนี้ (26 มิถุนายน) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และอีก 9 องค์กรในตลาดทุน ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการดำเนินการด้านต่างๆ ในกรณีปัญหาของ บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) พร้อมทั้งเปิดเผยแนวทางการดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน รวมถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบและแนวทางป้องกันปัญหาซ้ำรอยในอนาคต

 

ธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ รักษาการเลขาธิการ สำนักงาน ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (26 มิถุนายน) สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เข้าไปหารือให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ STARK, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แล้ว

 

โดยประชุมร่วมกับ พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท. จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงิน การธนาคาร และการฟอกเงิน และ พ.ต.อ. อภิชน เจริญผล รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับมอบหมายโดย พล.ต.ท. จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยคณะผู้บริหารทั้ง 3 หน่วยงานได้หารือเกี่ยวกับการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดกรณี บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

 

“กรณี STARK อยู่ในกระบวนการการบังคับใช้กฎหมายโดยเป็นไปตามขั้นตอนปกติ อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. ได้เร่งดำเนินการกับกรณีนี้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ลงทุนเป็นจำนวนมาก และอาจมีผลกระทบต่อตลาดทุนในภาพรวม 

 

“นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานงานกับ DSI และ ปอศ. อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง DSI ได้รับกรณีดังกล่าวเข้าเป็นคดีพิเศษแล้ว ซึ่ง ก.ล.ต. ยินดีให้ความร่วมมือและสนับสนุนการปฏิบัติงานของ DSI อย่างเต็มที่ต่อไป สำหรับการร่วมประชุมในครั้งนี้ ทั้ง 3 หน่วยงานได้แลกเปลี่ยนข้อมูล รวมทั้งหารือเกี่ยวกับแนวทางการทำงานร่วมกันต่อไป เพื่อให้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดที่ทำได้อย่างรวดเร็วและรัดกุม รวมถึงช่วยยับยั้งความเสียหายต่อประชาชนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการประสานงานเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันต่อไปอีกด้วย” 

 

สำหรับกรณีการดำเนินการตรวจสอบ STARK ขณะนี้การตรวจสอบมีความคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยให้รายละเอียดในเชิงลึกของการตรวจสอบได้ เพราะจะมีผลต่อการทำงานของสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งการทำงานในลักษณะดังกล่าวก็เป็นแนวปฏิบัติที่ ก.ล.ต. ยึดใช้มาตลอด

 

ทั้งนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. จะเข้าไปตรวจสอบกับผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้สอบบัญชี (Auditor) ของ STARK ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินการจัดทำงบการเงินของ STARK ที่มีปัญหา โดยตามหลักข้อของกฎหมายแล้ว หากผู้ตรวจสอบบัญชีเกี่ยวข้องในการสนับสนุนก็จะมีโทษเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยมีบทลงโทษสูงสุดคือจำคุกเป็นระยะเวลา 10 ปี

 

นอกจากจากนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนในการปรับแก้กฎหมายผู้สอบบัญชีตลาดทุนที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. จากเดิมกำหนดที่ดำเนินการควบคุมเฉพาะตัวบุคคล ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมที่ตัวบริษัทผู้สอบบัญชี แต่กฎหมายที่มีการแก้ไขใหม่นี้จะกำหนดให้บริษัทผู้สอบบัญชีต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต.

 

ส่วนประเด็นเรื่องหุ้นกู้ของ STARK ที่มีการขายให้กับนักลงทุนรายย่อย ซึ่งไม่ตรงกับเงื่อนไขของกลุ่มลูกค้าที่ระบุไว้ในการยื่นขออนุญาตที่กำหนดให้ขายเฉพาะกับนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth: HNW) โดยสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

 

 

ตลท. จ่อผุดเครื่องหมายใหม่ เตือนหุ้นเสี่ยงล่วงหน้า

 

ด้าน ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลท. มีแผนจะออกเครื่องหมายแจ้งเตือนล่วงหน้า (Early Alert) ใหม่ เพื่อใช้กับหุ้นของบริษัทที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะ เพื่อนำมาใช้เป็นหนึ่งในแนวทางเพื่อกันป้องการเกิดปัญหาซ้ำรอย STARK โดยจะนำมาใช้เพิ่มเติมในการเตือนผู้ลงทุน จากเดิมที่มีการใช้เครื่องหมาย C (Caution) กับหุ้นที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและการดำเนินธุรกิจ

 

สำหรับเครื่องหมายใหม่นี้จะต้องมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปร่วมกันว่าจะกำหนดเงื่อนไขลักษณะใดบ้างที่จะเข้าข่ายต้องขึ้นเครื่องหมายเตือน จากนั้นจะมีการเปิดรับฟังความเห็น (เฮียริ่ง) เพื่อนำมาประกาศใช้ โดยตลาดหลักทรัพย์จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

 

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากจากสัปดาห์ก่อน ที่คณะกรรมการ (บอร์ด) ตลท. มีมติเห็นชอบแนวทางให้ปรับ Positioning โดยปรับปรุงคุณสมบัติบริษัทจดทะเบียนตามเกณฑ์รับหุ้นเข้าจดทะเบียนใหม่ เพิ่มความแตกต่างของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) และการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชน (Public Offering) สำหรับบริษัทขนาดเล็กให้สูงขึ้น เพื่อดูแลสภาพคล่องในตลาดรอง

พร้อมทั้งยกระดับการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนให้เข้มข้นขึ้น โดยปรับปรุงเกณฑ์เครื่องหมาย C กรณีบริษัทมีฐานะการเงินหรือผลการดำเนินงานที่มีแนวโน้มลดลง

 

นอกจากนี้เพิ่มความเข้มงวดในการเพิกถอน โดยคณะกรรมการจะพิจารณาเพิกถอนบริษัทที่ไม่สามารถแก้ไขเหตุเพิกถอนและย้ายกลับมาซื้อ-ขายได้เมื่อครบกำหนดเวลา เพื่อให้มีบริษัทจดทะเบียนที่มีคุณภาพ อีกทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการพิจารณาคุณสมบัติบริษัท Backdoor Listing โดยสำนักงาน ก.ล.ต. จะร่วมพิจารณาคุณสมบัติของบริษัทเช่นเดียวกับกรณี IPO เพื่อให้บริษัทที่เข้าจดทะเบียนไม่ว่าจะด้วยช่องทางใดมีคุณภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งจะเปิดรับฟังความเห็นจากผู้เกี่ยวข้องภายในไตรมาส 3/66

 

ทริสฯ เข้มเกณฑ์ทำเรตติ้ง บจ. – หุ้น Backdoor 

 

ศักดิ์ดา พงศ์เจริญยง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด กล่าวว่า ทริสฯ จะปรับปรุงขั้นตอนในการคัดกรองผู้ออกตราสารใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้น โดยจะเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาจัดทำเครดิตเรตติ้งกับ บจ. ที่ต้องการออกหุ้นกู้ที่เข้าเงื่อนไขดังนี้

 

– เป็น บจ. ที่มาจากการ Backdoor Listing ซึ่งผู้ออกตราสารเป็นผู้ไม่มีประวัติในการสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง

– เน้นสร้างการเติบโตจากการซื้อกิจการอื่น 

– หลีกเลี่ยงการจัดทำเครดิตเรตติ้งกับผู้ออกหุ้นกู้ที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือผู้บริหารที่มีประวัติหรือชื่อเสียงในทางลบทางด้านธรรมาภิบาล 

 

นอกจากนี้ทริสฯ จะเพิ่มการฝึกอบรมนักวิเคราะห์ในส่วนเทคนิคการสังเกตลักษณะของงบการเงินที่น่าสงสัยว่ามีการตกแต่งงบการเงิน เพื่อนำไปสู่การวิเคราะห์ความผิดปกติของงบการเงินและสถานะทางการเงินที่แท้จริงของผู้ออกตราสาร

 

สภาบัญชีมีอำนาจถอนใบอนุญาตหากผู้สอบบัญชีผิดจริง

 

สุพจน์ สิงห์เสน่ห์ เลขาธิการสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า บทบาทและหน้าของสภาวิชาชีพบัญชีมีใน 2 เรื่องหลักดังนี้

 

  1. การจัดทำมาตรฐานผู้สอบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก
  2. การจัดทดสอบผู้ต้องการเป็นผู้สอบบัญชีรับในอนุญาต

 

โดยสภาวิชาชีพบัญชีฯ ได้ดำเนินการตามมาตรฐานที่มีอยู่ โดยหากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำงานของผู้ตรวจสอบบัญชี สามารถร้องเรียนมาได้ที่สภาวิชาชีพบัญชีตรวจสอบพบความผิด ก็จะมีการดำเนินการตามมาตรการ เช่น การพักหรือยกเลิกใบอนุญาต เป็นต้น ทั้งนี้ ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีผู้ได้ส่งเรื่องร้องเรียนกรณี STARK มาให้สภาวิชาชีพบัญชีตรวจสอบแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณา โดยสภาวิชาชีพบัญชีมีอำนาจลงโทษเพียงแค่พักหรือเพิกถอนใบอนุญาตเท่านั้น  

 

สมาคม บลจ. จ่อฟ้องดำเนินคดีแบบ Class Action

 

ชวินดา หาญรัตนกูล นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (AICM) กล่าวว่า สมาคมฯ ได้มีการนัดประชุมกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 มิถุนายน) ซึ่งมีมติเห็นชอบในการศึกษาการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) ซึ่งหลังจากนี้สมาคมฯ อยู่ระหว่างการหานักกฎหมายที่จะดำเนินการเรื่องดังกล่าว

 

พบรายย่อยเสียหาย 1,759 ราย มูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท

 

สิริพร จังตระกุล เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย กล่าวว่า เพื่อเป็นการช่วยในการรวมกลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนในหุ้นสามัญ STARK สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยจึงเปิดระบบลงทะเบียนให้ผู้ลงทุนเข้ามาลงทะเบียน โดยจะพิจารณาช่วยดำเนินการ รวมถึงอำนวยความสะดวกในขั้นตอนต่อไป กรณีที่มีการร้องขอให้มีการฟ้องคดีแบบ Class Action

 

ทั้งนี้ หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนและรวบรวมรายชื่อผู้เสียหายจาก STARK จนปิดลงทะเบียนไปเมื่อวันที่ 25  มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้เสียหายหุ้น STARK ลงทะเบียน 1,759 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,063 ล้านบาท

 

IAA ชงออกเกณฑ์บังคับ บจ. มา Opp Day – ประชุมนักวิเคราะห์

 

สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า เหตุการณ์แก้ไขงบที่เกิดขึ้นกับหุ้น STARK นั้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของนักวิเคราะห์และนักลงทุนในฐานะที่เป็นผู้ใช้ข้อมูล ซึ่งแม้ว่านักวิเคราะห์จะมีความรอบคอบและมีระบบการวิเคราะห์ที่รัดกุม แต่ก็ไม่สามารถยืนยันถึงความถูกต้องของข้อมูลได้ เนื่องจากอยู่ในสถานะที่เป็นเพียงผู้ใช้ข้อมูล จึงไม่เคยมีโอกาสได้เข้าถึงหลักฐานยืนยันรายการทางบัญชี

 

 สำหรับแนวทางที่องค์กรต่างๆ จะร่วมกันคิดเพื่อป้องกันปัญหาแบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ง่ายคือ ต้องหาวิธีที่จะสามารถตรวจทานหลักฐานยืนยันรายการทางบัญชีให้มั่นใจได้มากขึ้น รวมถึงการมีหลักเกณฑ์ให้ บจ. มีหน้าที่ต้องมา Opportunity Day หรือการจัดประชุมนักวิเคราะห์อย่างทั่วถึงปีละ 2-4 ครั้ง เพื่อให้นักวิเคราะห์และนักลงทุนสามารถซักถามและสอบถามได้โดยตรง เพื่อประเมินความสมเหตุสมผลของข้อมูลและวิสัยทัศน์ของผู้บริหารได้

 

โบรกหนุนเข้มเกณฑ์ Backdoor Listing ให้เข้มเท่า IPO

 

สมภพ กีระสุนทรพงษ์ ประธานกรรมการชมรมวาณิชธนกิจ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดในการกลั่นกรองคุณภาพของบริษัทที่จะออกและเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เพื่อให้มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุน กรรมการ และผู้บริหาร มีคุณสมบัติที่เหมาะสม มีระบบการควบคุมภายในที่ดี เป็นต้น ซึ่งรวมถึงการให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์และรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน 

 

อย่างไรก็ตาม มีบางบริษัทจดทะเบียนที่อาจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชมรมฯ จึงพร้อมร่วมหารือและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงเกณฑ์และมาตรการ เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม โดยยังรักษาสมดุลของการกำหนดเกณฑ์และไม่เป็นภาระกับ บจ. มากจนเกินไป พร้อมทั้งสนับสนุนการพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์ Backdoor Listing ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นเทียบเท่ากับเกณฑ์ IPO

 

มีนักลงทุนรายใหญ่ซื้อหุ้นกู้ STARK จำนวน 4,528 ราย

 

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA กล่าวว่า ThaiBMA ในฐานะของ Bond Information Center ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยประสานงานกับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้และสำนักงาน ก.ล.ต. ในการให้ข้อมูลอย่างรวดเร็วกับผู้ลงทุนผ่านทางช่องทางออนไลน์ของสมาคมฯ โดยจากปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบให้หุ้นกู้ทั้งหมดจำนวน 5 รุ่นที่ออกโดย STARK มูลค่ารวม 9,198 ล้านบาท เกิดการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งมีผลกระทบต่อนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth: HNW) และนักลงทุนสถาบัน ทั้งสิ้นจำนวน 4,528 รายที่มีการลงทุน

 

นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยและสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยมาร่วมให้ข้อมูลในการแถลงข่าววันนี้ด้วย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising