พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ Pita Limjaroenrat (@Pita_MFP) เกี่ยวกับจุดยืนของพรรคก้าวไกลในการรับมือกับวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมา ดังนี้
เกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในเมียนมาซึ่งส่งผลกระทบต่อไทยและภูมิภาค ผมและทีมงานกำลังติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญกับประเด็นที่น่ากังวลในปัจจุบันคือ จุดยืนที่แตกต่างกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเกี่ยวกับแนวทางในการจัดการกับสถานการณ์ในเมียนมา ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลขอย้ำถึงแนวคิดและจุดยืนเกี่ยวกับประเด็นนี้ ดังต่อไปนี้
- การยึดมั่นในความเป็นแกนกลางของอาเซียน (ASEAN Centrality)
เราเชื่อในการดำเนินการที่มีอาเซียนเป็นศูนย์กลางซึ่งจะนำไปสู่การหาทางออกในทางการเมืองต่อสถานการณ์ในเมียนมาที่นำโดยอาเซียน และขอย้ำอย่างหนักแน่นถึงความสนับสนุนต่อการดำเนินการต่างๆ ในกรอบอาเซียน ทั้งโดยประธานอาเซียนในอดีตและในปัจจุบัน เพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ในฉันทมติ 5 ประการ (5PC) ทั้งนี้ ไทยในฐานะหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้งอาเซียนควรให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่สมาชิกประเทศอาเซียน และสนับสนุนหลักการและคุณค่าด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนตามที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรอาเซียน
- ผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกันของอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ของเมียนมา
รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจะเสริมสร้างผลประโยชน์ที่เกื้อกูลกันของอาเซียนและเพื่อนบ้านของเมียนมาต่อสถานการณ์ในเมียนมา กล่าวคือ การเห็นเมียนมาเป็นประเทศที่มั่นคง มั่งคั่ง และมีสถานะทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในฐานะสมาชิกของอาเซียนและประชาคมระหว่างประเทศอย่างเต็มภาคภูมิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศที่มีเขตแดนติดกับเมียนมาต่างปรารถนาและเห็นพ้องกัน รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจะประสานงานอย่างใกล้ชิดและปรึกษาหารือเป็นประจำกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักในประเด็นนี้ทุกฝ่าย อันเป็นหนทางสู่สันติภาพ ความมั่นคง และความเจริญรุ่งเรืองทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
- การเปิดพื้นที่เจรจาและสร้างการมีส่วนร่วมอย่างครอบคลุมเพื่อการรักษาเสถียรภาพ
เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าการเปิดพื้นที่เจรจาและสร้างการมีส่วนร่วมเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการหาทางออกต่อสถานการณ์เมียนมา โดยการเปิดพื้นที่เจรจาและสร้างการมีส่วนร่วมนั้นต้องครอบคลุม หลากหลายมิติ และเป็นไปอย่างถูกต้องเหมาะสมตามครรลองทางการทูต เพื่อนำไปสู่การรักษาเสถียรภาพของเมียนมาตามวัตถุประสงค์และหลักการในกรอบอาเซียน ตามแนวทางที่ผู้นำอาเซียนเห็นชอบในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 42 นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนความพยายามอย่างต่อเนื่องขององค์การสหประชาชาติและเลขาธิการสหประชาชาติในการหาทางออกทางการทูตผ่านการไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออกทางการเมืองต่อสถานการณ์ในเมียนมา
- การเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์
ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจะให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ทั้งในเมียนมาและในภูมิภาค โดยมุ่งเน้นด้านมนุษยธรรมควบคู่ไปกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยการดำเนินงานภายในประเทศไทย พรรคก้าวไกลมีแนวคิดเกี่ยวกับการหาสมดุลยภาพระหว่างจุดเชื่อมต่อด้านมนุษยธรรมกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ (Humanitarian-Economic Nexus) ซึ่งเป็นทั้งแนวทางที่ไม่เพียงแต่จะใช้รับมือกับวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรม แต่จะสร้างโอกาสให้กับทรัพยากรมนุษย์ที่อยู่ในพื้นที่เพื่อก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยในระดับภูมิภาค รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคก้าวไกลจะสนับสนุนความพยายามในการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยการไม่เลือกปฏิบัติและครอบคลุม
- ความท้าทายเรื่องพม่าหลากหลายมิติ
พรรคก้าวไกลตระหนักดีว่า ความท้าทายเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมาครอบคลุมหลากหลายมิติ เช่น ความมั่นคงทางพลังงาน การหลั่งไหลเข้ามาของผู้อพยพ การค้าอาวุธเถื่อน การค้ามนุษย์ ปัญหาฝุ่นควัน อาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการลักลอบขนยาเสพติด รวมไปถึงปัญหาการสู้รบในเมียนมาซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ดังนั้น รัฐบาลที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจึงมีแนวคิดในการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมียนมา (Myanmar Inter-Agency Task Force) โดยเป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยคณะทำงานเฉพาะกิจนี้จะทำหน้าที่บูรณาการประสานงานการทำงานระหว่างหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ในไทยเพื่อแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ในเมียนมาที่สามารถปฏิบัติได้จริง เพื่อเผชิญความท้าทายหลากหลายมิติจากสถานการณ์ในเมียนมา
ภาพ: Sirachai Arunrugstichai / Getty Images
อ้างอิง: