ข้อมูลจาก Federal Reserve Economic Data (FRED) เปิดเผยว่า เงินฝากจำนวนกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ได้ไหลออกจากบัญชีธนาคารของสหรัฐอเมริกาในช่วงวันที่ 10-17 พฤษภาคม โดยวิกฤตธนาคารในสหรัฐฯ และปัญหาเพดานหนี้เป็นปัจจัยสำคัญต่อการไหลออกของเงินทุนในครั้งนี้
เงินทุนเริ่มไหลออก นับตั้งแต่การล้มละลายของ Silicon Valley Bank
ตั้งแต่ Signature Bank, Silicon Valley Bank และ First Republic ล้มละลาย เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการเลิกกิจการครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินปี 2008 สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดในวงกว้าง นอกจากนี้ ความกลัวเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ยิ่งตอกย้ำความกลัวในหมู่นักลงทุนว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอีกด้วย
FRED เปิดเผยว่า เงินฝากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ที่อยู่ในธนาคารสหรัฐฯ ได้ถูกถอนออกตั้งแต่ช่วงวันที่ 10-17 พฤษภาคม ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์
รายงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ เผยว่า ธนาคารอเมริกันกว่า 700 แห่งกำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยและความมั่นคงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากยังมีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Losses) ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 50% ของเงินทุน ซึ่งหาก Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ธนาคารเหล่านี้อาจอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง
นักลงทุนมองเห็นบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ที่หลบภัยแห่งใหม่
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว CoinShares รายงานว่านักลงทุนได้เพิ่มการลงทุนมูลค่ากว่า 114 ล้านดอลลาร์เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน โดยเงินลงทุนเหล่านี้ไหลเข้าสู่กองทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแล เช่น Grayscale, 3iQ และ 21Shares
James Butterfill ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ CoinShares ตั้งข้อสังเกตว่า ความกลัวของนักลงทุนที่มีต่อการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้เงินลงทุนไหลเข้าสู่สินทรัพย์ที่หลบภัยทางเลือก และนักลงทุนบางคนมองว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่หลบภัยที่น่าสนใจ หลังจากการล่มสลายของธนาคารสหรัฐฯ ได้แก่ Silicon Valley และ Signature Bank
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จาก Bloomberg มองว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะกระตุ้นให้เงินทุนไหลเข้าสู่ทองคำ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และบิทคอยน์มากขึ้นอีกด้วย
คณบดีคณะเศรษฐกิจดิจิทัลและสื่อสารมวลชนจาก MTUCI Sergey Gataullin เห็นด้วยกับนักวิเคราะห์ Bloomberg โดยมองว่า ทองคำ BTC และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อาจได้รับความสนใจ ขณะที่ Evgeny Grechenok ผู้พัฒนาบล็อกเชนกล่าวว่า BTC อาจดึงดูดนักลงทุนได้จากคุณสมบัติเรื่องการกระจายอำนาจและปริมาณที่จำกัด แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องความผันผวนที่สูงของบิทคอยน์
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง:
