ชาวปากีสถานลุกฮือประท้วงและก่อจลาจลต่อต้านกองทัพอย่างรุนแรงทั่วประเทศ ภายหลัง อิมราน ข่าน อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฮีโร่นักกีฬาคริกเก็ตทีมชาติขวัญใจประชาชน ถูกกองกำลังกึ่งทหารเข้าจับกุมในคดีคอร์รัปชันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นฝีมือกองทัพที่บงการให้รัฐบาลยัดข้อหาข่าน
สถานการณ์ปะทุถึงจุดเดือดอย่างรวดเร็ว เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมกับตำรวจและทหารที่พยายามควบคุมสถานการณ์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และมีผู้ถูกทางการจับกุมอีกนับพัน ซึ่งในเมืองละฮอร์ มีผู้ชุมนุมรวมตัวกัน บุกเข้าไปจุดไฟเผาบ้านพักผู้บัญชาการทหารระดับสูง
ล่าสุดเหตุการณ์คลี่คลายลงแล้ว หลังศาลสูงปากีสถานพิพากษาว่า การจับกุมข่านมิชอบด้วยกฎหมาย และมีคำสั่งให้ปล่อยตัวทันที ก่อนจะอนุญาตให้ประกันตัว
แต่ความตึงเครียดยังพร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ โดยข่านเรียกร้องให้ประชาชนทั่วประเทศออกมาชุมนุมใหญ่แสดงพลังตามท้องถนนและหมู่บ้านต่างๆ เพื่อต่อต้านความอยุติธรรมที่เกิดขึ้น
วิกฤตการเมืองปากีสถานครั้งนี้ ถูกมองว่าเกิดขึ้นจากการที่ข่าน ‘งัดข้อ’ กับกองทัพ ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ที่รุนแรง ภายหลังจากที่เขาถูกโหวตไม่ไว้วางใจ จนต้องลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งข่านกล่าวหากองทัพว่าอยู่เบื้องหลังการโค่นอำนาจเขา
ความน่าสนใจคือ ช่วงที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2018-2022 นั้น เขามีความสนิทสนมและประสานงานใกล้ชิดกับผู้นำกองทัพ ก่อนที่จะเกิดความตึงเครียดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเป็นผลจากการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ซึ่งข่านต้องการให้รัฐบาลของเขาสามารถพูดหรือแสดงออกได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การประท้วงที่เกิดขึ้นยังสะท้อนฉากทัศน์การเมืองปากีสถานตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งวนเวียนอยู่กับการประท้วง การเลือกตั้ง และการก่อรัฐประหารของกองทัพที่เกิดขึ้น 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดคือปี 1999
หลายฝ่ายเชื่อว่า หลังฉากประชาธิปไตยของปากีสถาน จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีการแทรกแซงจากกองทัพ ขณะที่การเคลื่อนไหวของข่าน ซึ่งยังถูกฟ้องร้องอีกนับร้อยคดี อาจก่อให้เกิดความเป็นไปได้ที่วิกฤตการเมืองและการลุกฮือต่อต้านทหารจะปะทุขึ้นมาอีกหลังจากนี้