กบน. หั่นราคาดีเซลลงอีกเหลือ 32 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป พร้อมจับตาแผน Fed สกัดเงินเฟ้อหลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ห่วงค่าเงินและการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ เสี่ยง หลังตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง ดันหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคของสหรัฐฯ ฟื้นตัว ซึ่งอาจดันราคาน้ำมันดิบปรับให้เพิ่มขึ้นอีก
วิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 เห็นชอบในการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงอีก 0.50 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 32 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลใหม่นี้จะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งการปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือนพฤษภาคม 2566 หรือเป็นครั้งที่ 6 นับจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รวมปรับลดลงไปแล้ว 3 บาทต่อลิตร
สาเหตุการปรับลดครั้งนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตลาดโลกโดยเฉพาะน้ำมันดีเซลลดลง โดยตั้งแต่วันที่ 1-8 พฤษภาคม 2566 ราคาน้ำมันดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 86.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 10.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซลเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ 97.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มดีขึ้นมีฐานะติดลบต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาทแล้ว กบน. จึงเห็นควรปรับลดราคาขายปลีกดีเซลให้กับประชาชน ซึ่งนอกจากจะช่วยประคับประคองค่าครองชีพประชาชนแล้ว ยังมีส่วนช่วยลดต้นทุนภาคขนส่งไม่ให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลเพิ่มสูงขึ้นจนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ดี ความผันผวนของราคาน้ำมันยังคงมีหลากหลายปัจจัย โดยจะเห็นได้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญๆ เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าเงินดอลลาร์ โดยเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2550 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบลดลง แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากบรรดานักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งในวันศุกร์ หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ และหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาคของสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นอีก
นอกจากนี้ต้องเฝ้าระวังปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน อาทิ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนหลังเปิดประเทศ ความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิติดลบ 79,327 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,581 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 46,746 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิด 5 เหตุผล ทำไมจีนเปิดประเทศแล้ว แต่ตลาดน้ำมันโลกยังนิ่ง
- ‘บีซีพีจี’ ทุ่ม 9 พันล้านบาท ฮุบธุรกิจ ‘คลังน้ำมันและท่าเรือ’ เปิดทางสู่ธุรกิจ ‘โครงสร้างพื้นฐาน’ ระบุมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุน ไร้แผนเพิ่มทุน
- สะพัด ‘บางจาก’ ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาท ปิดดีลเทกโอเวอร์ ESSO จ่อชงบอร์ด 9 ม.ค. 66 ต่อยอดธุรกิจ Jet Fuel ปูทางขายน้ำมันเข้าสนามบินทั่วประเทศ