วันนี้ (30 เมษายน) ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย จังหวัดมหาสารคาม เขตเลือกตั้งที่ 3 อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เศรษฐา ทวีสิน ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงผลโพลบางสำนักที่คะแนนของพรรคก้าวไกลนำพรรคเพื่อไทยว่า อยู่ที่วิธีการมากกว่า บางโพลอาจจะใช้ออนไลน์ บางโพลอาจจะเน้นลงพื้นที่ ซึ่งแตกต่างกัน ส่วนตัวคิดว่าแฟนคลับของพรรคเพื่อไทยยังมีอยู่ต่างจังหวัดเยอะ และไม่ได้ใช้ออนไลน์มากนัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงผลโพลจะสะท้อนถึงการลงคะแนนเสียงของประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เศรษฐากล่าวว่า ต้องเอาผลของหลายโพลมาวิเคราะห์และจัดการเรื่องความลำเอียงออกไป ตนมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยอย่างไรก็ได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง ส่วนเรื่องเสียงออฟไลน์ที่อยู่ตามพื้นที่ต่างจังหวัดนั้น จากการลงพื้นที่มีความมั่นใจมากว่าพรรคเพื่อไทยเดินมาถูกทาง นโยบายโดนใจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสพรรคก้าวไกลที่แรงขึ้นเรื่อยๆ พรรคเพื่อไทยจะปรับยุทธศาสตร์อย่างไรหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ไม่มี ยังทำเหมือนที่ทำมา ลงพื้นที่ให้เยอะขึ้น เพื่อพบปะประชาชน และมั่นใจทุกพื้นที่
ส่วนที่กระแสพรรคก้าวไกลดูมาแรงขึ้น เศรษฐาระบุว่า ไม่หวั่น ถามมาไม่เคยหวั่น เราลงพื้นที่และมั่นใจเกินครึ่ง
เศรษฐายังระบุถึงคำถามกรณี อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และขอให้ลืมความขัดแย้งระหว่าง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าตนไม่ทราบว่ามีความขัดแย้งเรื่องอะไรกัน แต่วันนี้ตนเองมีหน้าที่เดินหน้าหาเสียง พยายามทำคะแนนให้ได้มากที่สุด ถึงเวลาผลเลือกตั้งออกมาค่อยว่ากัน ส่วนจะจับมือกับพรรคไหนนั้น นโยบายของพรรคเพื่อไทยต้องเป็นหลัก
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยยืนยันเอากัญชาเสรี จะไม่จับมือกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ เศรษฐาระบุว่า พรรคเพื่อไทยไม่เอานโยบายกัญชาเสรีเด็ดขาด เราเอาเพื่อการแพทย์เท่านั้น และจะต้องเอานโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ หากพรรคภูมิใจไทยลดเงื่อนไขนโยบายกัญชาเสรี มีความเป็นไปได้ในการจับมือร่วมกันมากน้อยแค่ไหน เศรษฐากล่าวว่า ยังเร็วเกินไป ต้องดูตัวเลขในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 วันเลือกตั้งว่าเป็นอย่างไรก่อน แต่ยืนยันไม่เอาเผด็จการ เราไม่เอารัฐประหาร
ส่วนการส่งสัญญาณของอนุทินถือเป็นเรื่องดีหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า การเป็นเพื่อนกันมันก็ดีอยู่แล้ว วันนี้ไม่ใช่เรื่องของสัญญาณ แต่เป็นเรื่องของหลักการมากกว่าว่าจะร่วมกันได้หรือไม่