วันนี้ (25 เมษายน) เวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค, วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค, ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะผู้ดูแลรับผิดชอบการเลือกตั้งภาคกลางและภาคตะวันออก ร่วมกันแถลงเปิดตัว คณิศ แสงสุพรรณ อดีตประธานที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ร่วมทีมนโยบายพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ยินดีที่คณิศ ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการ EEC (Eastern Economic Corridor: โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก) ได้มาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจะมาพัฒนาเรื่อง 14 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีความเจริญก้าวหน้าในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ฝั่งอันดามัน และให้มีความเจริญทัดเทียมอารยประเทศ ทุกคนรู้จักคณิศดี จะมาอยู่ในทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ คณิศตั้งใจจะมาทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ แต่ทั้งหมดจะทำได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจะต้องได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีตนเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกอย่างจะสำเร็จด้วยดี ฝากประชาชนทั่วไปถ้าอยากเห็นภาคใต้มีความเจริญ จงเลือกพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่คณิศกล่าวว่า ขอบคุณ พล.อ. ประวิตรที่ตนเรียกติดปากว่าพี่ป้อม พล.อ. ประวิตรเป็นคนทำเรื่องน้ำใน EEC ตนทำกับท่านมาตลอด 4 ปี โดยทำภาพรวมเรื่องน้ำ 30 โครงการ ซึ่งทำสำเร็จไปแล้ว 20 โครงการ การันตีปัญหาน้ำใน EEC จบแล้ว พล.อ. ประวิตรเป็นคนรับฟังข้อมูล กล้าตัดสินใจ โครงการนี้ไม่ใช่โครงการง่ายๆ แต่ทำให้ปัญหาน้ำผ่านพ้นไปได้ ถือเป็นประโยชน์มาก
คณิศกล่าวต่อไปว่า ตนได้ลาออกจากประธานที่ปรึกษาพิเศษ EEC มาเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อมาช่วย พล.อ. ประวิตร เพื่อผลักดันความฝันของ พล.อ. ประวิตรที่จะสร้างประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่ ตนทำงาน EEC มา 6 ปี เป็นเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลที่ดำเนินไปอย่างประสบความสำเร็จ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี คาดว่าเศรษฐกิจ EEC จะขยายตัวปีนี้ไม่ต่ำกว่า 7% จะทำให้เศรษฐกิจไทยก้าวไปข้างหน้า แต่ขอให้ทีมที่มาทำ EEC ต่อซื่อสัตย์และไม่คดโกง ทำตามแผนที่วางไว้
คณิศกล่าวด้วยว่า หลายเดือนก่อน พล.อ. ประวิตรได้พบปะกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียที่กรุงเทพมหานคร ได้หารือกันเรื่องชายแดนภาคใต้ของไทยและภาคเหนือของมาเลเซีย ว่าจะพัฒนาพื้นที่ชายแดนภาคใต้ได้อย่างไรบ้าง พล.อ. ประวิตรจึงให้โจทย์ตนมาดูว่าจะพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนอย่างไร จึงเป็นที่มาของโครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ได้นำเสนอกับ พล.อ. ประวิตร ท่านเห็นดีด้วยและรับเป็นนโยบายของพรรค นี่จึงเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าสู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องการอาศัยความเป็นผู้นำที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งของ พล.อ. ประวิตร ช่วยก้าวข้ามความขัดแย้งทั้งเรื่องการระหว่างประเทศ สร้างความปรองดอง และความเข้าใจระหว่างหน่วยงานต่างๆ และประชาชนในพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนโครงการนี้ให้สำเร็จ
คณิศกล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้ มุ่งหวังให้เป็นความร่วมมือของทั้งสองประเทศ จะมีการจัดทำแผนเพื่อเชื่อมโยงเขตพิเศษทางเศรษฐกิจเข้าไว้ด้วยกัน ในฝั่งไทย โครงการดังกล่าวจะเชื่อมต่อ 5 จังหวัด คือ สงขลา ยะลา สตูล ปัตตานี และนราธิวาส รวมเป็นเขตพัฒนาพิเศษแบบ EEC โดยมีอย่างน้อย 6 โครงการเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ เช่น
- ยกระดับรายได้เกษตรกรด้วยการแปรรูปพืชเกษตรให้มีคุณภาพ อาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่มุ่งสู่ตลาดโลก
- พัฒนาการท่องเที่ยว ทั้งฝั่งอ่าวไทย ทำตากใบโมเดล ฝั่งอันดามัน ทำสตูลโมเดล ผ่านโครงข่ายเรือและเครื่องบินท่องเที่ยว เพื่อนำรายได้สู่พื้นที่
- มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลัก เช่น มอเตอร์เวย์และแลนด์บริดจ์ เชื่อมทั้ง 2 ฝั่งทะเล
- สนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายตลอดข้างทางของมอเตอร์เวย์ เช่น ศูนย์กลางอาหารระดับนานาชาติ อิเล็กทรอนิกส์ พลังงาน ยา และโลจิสติกส์
- ขยายความร่วมมือด้านพลังงานระหว่าง 2 ประเทศ
- ใช้ธนาคารอิสลามเป็นธนาคารหลักของเขตพัฒนาพิเศษ
“โครงการเขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้มุ่งหวังจะทำให้พี่น้อง 8 ล้านคนใน 14 จังหวัดชายแดนใต้กลับมามั่งคั่ง หากเลือกพรรคพลังประชารัฐ นอกจากจะก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว จะก้าวพ้นความยากจน เขตพัฒนาพิเศษชายแดนภาคใต้ที่พรรคพลังประชารัฐนำเสนอ จะช่วยทำให้ลูกหลานชาวใต้เติบโตในพื้นที่ มีงาน มีรายได้สูง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องขอขอบคุณ พล.อ. ประวิตรที่ได้ให้การสนับสนุนและร่วมผลักดันนโยบายนี้” คณิศกล่าวในที่สุด