Binance เว็บเทรดคริปโตเคอร์เรนซีอันดับ 1 ของโลก กลายเป็นประเด็นล่าสุด หลังจากที่คณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ของสหรัฐอเมริกา ได้ยื่นฟ้อง Changpeng Zhao ซีอีโอของ Binance ในข้อหาไม่ได้จดทะเบียนกับ CFTC ในฐานะคนกลางซื้อขายตราสารอนุพันธ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ซึ่งในวันนี้ THE STANDARD WEALTH จะสรุปประเด็นระหว่าง Binance และสหรัฐฯ รวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รวมถึงวิเคราะห์อนาคตของ Binance หลังจากที่เจอศึกด้านกฎระเบียบรอบด้านในขณะนี้
สรุปไทม์ไลน์ประเด็น Binance และปัญหากับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายน ปี 2018 อัยการสูงสุดของนิวยอร์กกล่าวหาว่า Binance และเว็บเทรดคริปโตอีกสองแห่ง ไม่มีใบอนุญาตสำหรับการทำธุรกรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เอลซัลวาดอร์เอาจริง! เตรียมออก ‘โทเคน Volcano’ ปีนี้ และรุกสร้าง Bitcoin City
- สัญญาณจาก On-Chain ชี้ นักเทรด Bitcoin ระยะสั้น เริ่มมีกำไรแล้ว แนะจับตาแรงขายต่อจากนี้
- จับตา! วงการคริปโตใช้ ‘พลังงานนิวเคลียร์’ ขุด Bitcoin คาดเปิดตัวในสหรัฐฯ ไตรมาส 1 ปีนี้
จากนั้นในช่วงปี 2020-2021 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มเพ่งเล็ง Binance มากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลของมอลตา หมู่เกาะเคย์แมน มาเลเซีย ลิทัวเนีย สิงคโปร์ และแอฟริกาใต้ เปิดเผยว่า Binance ไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในประเทศ
โดยข้อจำกัดทางด้านกฎระเบียบที่ Binance ต้องเจอ ทำให้บริษัทจำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรด้านกฎหมายอย่างมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ประเทศอินเดียได้ตรวจสอบการฟอกเงินของ Binance ขณะที่หน่วยงานเกาหลีใต้สั่งให้ Binance ระงับการซื้อขายคู่สกุลเงินวอนออกจากแพลตฟอร์มตามกฎระเบียบของประเทศ
และนอกเหนือจากประเทศที่กล่าวถึงข้างต้น ประเทศเยอรมนี ตุรกี อิสราเอล อังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศ ก็ได้ดำเนินการด้านกฎระเบียบต่อเว็บเทรดอันดับ 1 อย่างเข้มงวด
จนล่าสุด วันที่ 27 มีนาคม The Commodity Futures Trading Commission (CFTC) หรือคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ ได้ทำการฟ้อง Binance, Changpeng Zhao (CZ) และ Samuel Lim ซีอีโอของ Binance US ในข้อหาละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง ด้วยการให้บริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ไม่ได้ทำการลงทะเบียน
นอกจากนี้ในเอกสารยังระบุว่า Binance ได้ทำการใช้บัญชีของแพลตฟอร์มกว่า 300 บัญชี ในการทำการซื้อขายและควบคุมตลาดโดยที่ไม่ได้มีการแจ้งให้ผู้ใช้งานทราบ รวมไปถึงเว็บไซต์ของ Binance เปิดให้บริการในสหรัฐฯ โดยที่ไม่มีการขออนุญาต
CFTC ยังกล่าวหาอีกว่า บริษัทสนับสนุนการละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯ รวมไปถึงมีการให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือลูกค้าในการหลบเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมาย
FTX เป็นหนึ่งในชนวนการสั่นสะเทือน
นอกเหนือจากปัจจัยเฉพาะตัวของ Binance เหตุการณ์ถูกฟ้องร้องครั้งนี้อาจเป็นหนึ่งในผลกระทบจากการล่มสลายของ FTX อดีตเว็บเทรดคริปโตอันดับ 2 ของโลกด้วยเช่นกัน
โดยการล่มสลายของ FTX อาจเป็นชนวนให้ทางการสหรัฐฯ กลับมาเพ่งเล็งและสอบสวนบริษัทคริปโตต่างๆ ในประเทศอีกครั้ง โดยล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับด้านการเงินของนิวยอร์กสั่งให้ Paxos บริษัทผู้ออกเหรียญ BUSD หยุดการออกเหรียญ ตามด้วยเหตุการณ์ล่าสุด CFTC ของสหรัฐฯ ได้ฟ้องร้อง CZ ในข้อหาละเมิดกฎการซื้อขาย
นอกจากนี้ CFTC ยังกล่าวหาว่า Binance ช่วยอำนวยความสะดวกในการละเมิดกฎหมายของสหรัฐฯ รวมถึงการให้คำแนะนำและช่วยเหลือลูกค้าในการหลบเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมายอีกด้วย ซึ่งทาง CZ ได้ออกมาชี้แจงว่า บริษัทมีกฎระเบียบที่ป้องกันไม่ให้พนักงานให้ข้อมูลภายใน เพื่อหาประเทศในการลงทุนด้วยกฎการห้ามซื้อขาย 90 วัน รวมถึงไม่ใช้ซื้อขายฟิวเจอร์สด้วย การถูกฟ้องร้องครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เนื่องจากที่ผ่านมา Binance พยายามทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลมาโดยตลอด
CZ ชี้แจงผ่านเว็บไซต์ทางการทันที
หลังจากถูกฟ้องร้องโดย CFTC ทาง CZ ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ โดยเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ทางการของ Binance, ช่องทางโซเชียลมีเดียของบริษัท และช่องทางส่วนตัว สรุปใจความดังนี้
- Binance มีเทคโนโลยีที่ทันสมัยและยอดเยี่ยมในการป้องกันไม่ให้คนอเมริกันสามารถเข้าถึง Binance ได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำ KYC, AML การตรวจสอบที่อยู่จาก IP Address การตรวจสอบเบอร์มือถือ ผู้ให้บริการ ข้อมูลลายนิ้วมือของอุปกรณ์ รูปแบบการฝากถอนเงิน และคริปโต รวมไปถึงการตรวจสอบบัตรเครดิต ซึ่งบริษัทคิดว่าไม่น่ามีใครทำได้เข้มงวดกว่า Binance
- Binance ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับผู้รักษากฎหมายมาตลอด โดยมีพนักงานมากกว่า 750 คน และได้ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในคำร้องขอกว่า 55,000 เคส อายัดเงินไปแล้วกว่า 125 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว และกว่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้
- Binance มีใบอนุญาตมากถึง 16 ใบทั่วโลก
- Binance ไม่เคยเทรดเพื่อกำไรหรือสร้างสภาพตลาดเลย แต่ Binance มีรายได้เป็นคริปโต จึงต้องขายเหรียญบ้าง เพื่อนำมาใช้จ่าย Binance อาจจะมีคนที่ทำตลาดให้ สำหรับสกุลเงินที่ไม่มีสภาพคล่อง แต่ Binance ก็ดูแลไม่ให้คนที่ทำตลาดมีกำไรจนเกินควร
อนาคตของ Binance หลังจากที่เจอศึกด้านกฎระเบียบรอบด้าน
แม้ว่า Binance จะมีปัญหาด้านกฎระเบียบกับหลายประเทศทั่วโลก แต่ในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมา หลายประเทศ เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน คาซัคสถาน สวีเดน และไซปรัส ได้ออกใบอนุญาตให้ Binance ดำเนินธุรกิจอย่างถูกกฎระเบียบแล้ว ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมคริปโต กฎระเบียบที่จำกัดในบางประเทศจะทำให้บริษัทคริปโตมองหาประเทศที่มีกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมมากขึ้นต่อไปในอนาคต
สำหรับคดีการฟ้องร้องระหว่าง CFTC และ Binance นั้น อินฟลูเอ็นเซอร์ด้านคริปโตอย่าง Hoss Crypto แสดงความเห็นว่า หาก CZ และ Binance ไม่จัดการหรือปกป้องตัวเองต่อคดีนี้ ทาง CFTC ก็น่าจะได้รับชัยชนะอย่างชัดเจน และอาจมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมในอนาคต ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในอนาคต
หาก Binance ให้ความร่วมมือกับกระบวนการทางกฎหมาย เอกสารทางธุรกิจทั้งหมดจะถูกเปิดเผยต่อหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ รวมถึงบริษัทที่ CZ ถือหุ้นเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
ฉะนั้นหนทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับ CZ อาจเป็นข้อตกลงนอกศาล
อย่างไรก็ตาม Hoss Crypto แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า แม้ว่า Binance และผู้ที่เกี่ยวข้องจะปกป้องตัวเองจากคดีได้ แต่ค่าธรรมเนียมทางกฎหมายอาจมีมูลค่ามหาศาล
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: