ราคาบ้านและค่าครองชีพที่สูงขึ้นในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าของจีน ทำให้ Eri Chen ซึ่งอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้กำลังวางแผนที่จะไปเยือนกรุงเทพฯ และเชียงใหม่เพื่อหาที่อยู่อาศัยเพื่อลงทุนและอาจจะเกษียณ
รายงานของ South China Morning Post ระบุว่า ชาวจีนคนนี้คิดถึงการเกษียณอายุในประเทศไทย แทนที่จะใช้เงินอย่างน้อย 4 ล้านหยวน หรือเกือบ 20 ล้านบาทสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในเขตชานเมืองของเซี่ยงไฮ้ และต้องจ่ายเพิ่มอย่างน้อย 2 เท่าหากต้องการขยับมาอยู่ใจกลางเมือง แต่หากเป็นราคาใจกลางกรุงเทพฯ เขากลับจ่ายเพียง 6 แสนหยวน หรือราว 3 ล้านบาทเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เตียงนอนติดกับโถส้วม?! ห้องพักราคา 300 บาทต่อคืนในโรงแรมขนาดเล็กที่จีน กำลังได้รับความนิยมจากนักศึกษาที่กำลังเตรียมตัวสอบ
- หนุ่มสาวจีนแห่สอบเข้ารับราชการ หวังพึ่งความมั่นคงหนีพิษเศรษฐกิจ ปีนี้ยอดผู้สมัครสูงถึง 7.7 ล้านคน แต่รับจริง 2 แสนตำแหน่ง
- วิกฤตอสังหากำลังลุกลามทั่วโลก บนยอดหนี้ที่สูงเกือบ 1.75 แสนล้านดอลลาร์ บ้านระหว่างก่อสร้างกว่า 2 ล้านหลังในจีนต้องหยุดชะงัก
นอกจากนี้ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยอาจให้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจ “ดอกเบี้ยเงินฝากในจีนต่ำ ผมต้องการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง เพื่อที่ผมจะได้มีเงินใช้ตอนเกษียณมากขึ้น” พร้อมกันนี้ยังได้ย้ำว่า “การลงทุนอสังหาในกรุงเทพฯ นั้นคุ้มค่ากว่าเมืองอื่นๆ แน่นอน ซึ่งผมต้องการไปดูเชียงใหม่ว่าเหมาะกับการเกษียณอายุอย่างที่ใครๆ พูดกันหรือเปล่า”
สิ่งที่น่าสนใจคือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีนและกำลังจัดกรุ๊ปทัวร์เพื่อชมอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ โดย Uoolu ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง ได้จัดทัวร์เพื่อพานักลงทุนครั้งละ 20 คนมาที่ประเทศไทย
บริษัทเรียกเก็บเงินสูงถึง 2,599 หยวน ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน เพื่อพานักลงทุนเข้าเยี่ยมชมโครงการที่อยู่อาศัย 4 โครงการ รวมถึงโครงการหนึ่งใกล้กับอิมแพ็ค อารีน่าในกรุงเทพฯ ซึ่งบ้านที่เปิดขายจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม โดยมีเริ่มต้นที่ 230,000 หยวน มีอัตราผลตอบแทนการเช่า 5.5% และระหว่างการชมโครงการ นักลงทุนจะไปจับจ่ายซื้อของเหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไปด้วย
Clark Zhou ผู้อำนวยการฝ่ายขายในเซี่ยงไฮ้ของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ Juwai IQI กล่าวว่า บรรดาผู้ที่ติดต่อกับผู้ซื้อชาวจีนโดยตรงได้รายงานว่ามีการสอบถามเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา
“ผมมีลูกค้าจำนวนมากที่กลับมาจากวันหยุดในประเทศไทย และประสบการณ์ที่ดีทำให้พวกเขามีความคิดที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่นั่น” เขากล่าว “ผมเชื่อว่าความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยจะดีขึ้นเมื่อผู้คนไปพักผ่อนที่นั่นมากขึ้น”
ประเทศไทยเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับผู้ซื้อชาวจีนที่กำลังมองหาอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศในช่วงปี 2018-2021 ที่ผ่านมา โดยเลื่อนมาอยู่ที่อันดับ 4 ตามหลังออสเตรเลีย แคนาดา และสหรัฐอเมริกาในปี 2022 สำหรับประเทศอื่นๆ ที่ผู้ซื้อชาวจีนชื่นชอบ ได้แก่ สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น รวมถึงประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม และมาเลเซีย
Karlo Pobre รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริการของ Colliers Thailand กล่าวว่าปัจจัยที่เอื้ออำนวยได้ผลักดันให้ผู้ซื้อชาวจีนเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมาจากราคาและผลตอบแทนการลงทุนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดเพื่อนบ้านอื่นๆ
ตั้งแต่ปี 2018 ชาวจีนเป็นกลุ่มผู้ซื้อห้องชุดต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รองลงมาคือผู้ซื้อจากรัสเซีย สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี
โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 ชาวจีนได้เข้าซื้อห้องชุดไปแล้ว 3,562 ยูนิต มูลค่ารวม 17,940 ล้านบาท คิดเป็น 49% ของยูนิตที่โอนให้กับชาวต่างชาติ โดยชาวจีนนั้นนิยมซื้อในราคา 5 ล้านบาท และมีพื้นที่เฉลี่ย 39 ตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม คาดว่านอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ แล้ว ผู้ซื้อชาวจีนยังเริ่มสำรวจจุดหมายปลายทางที่สำคัญในประเทศไทย เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่อีกด้วย
ภาพ: Simon Song / South China Morning Post via Getty Images
อ้างอิง: