ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นของ บมจ.เชฎฐ์ เอเชีย (CHASE) หุ้น IPO ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ร่วงลงจากราคาเปิดที่ 3.52 บาท ไปทำจุดต่ำสุดที่ 2.70 บาท หรือลดลง 23% ซึ่งเป็นระดับต่ำกว่าราคา IPO ที่เสนอขายที่ 2.90 บาท
หนึ่งในปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้นของ CHASE คือผลประกอบการปี 2565 ที่ออกมาน่าผิดหวัง โดยรายได้รวมลดลง 7.75% ทำได้ 676.6 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิลดลงมากถึง 46.8% ทำได้ 144.1 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับหุ้น IPO ‘CHASE’ ธุรกิจรับบริหารหนี้รายล่าสุดในตลาด
- ทำความรู้จัก ‘เชฎฐ์ เอเชีย’ ธุรกิจบริหารหนี้ที่ดึงดูด ‘เฮียฮ้อ’ ให้ส่งอาร์เอสร่วมลงทุน
- กองทุน ‘THE TON POH’ เข้าเก็บหุ้น ‘เชฎฐ์ เอเชีย’ เพิ่ม รวมถือหุ้น 5.04% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ดันราคาหุ้นวิ่งต่ออีก 2%
โดยบริษัทให้เหตุผลว่ารายได้ที่ลดลงเป็นเพราะธุรกิจให้บริการติดตามทวงถามหนี้ ถูกกระทบจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่กำไรสุทธิที่ลดลงมากนั้น บริษัทให้เหตุผลว่าเป็นเพราะผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ที่สูงขึ้นชั่วคราวจาก 50 ล้านบาทเมื่อปี 2564 สู่ระดับ 148 ล้านบาทในปี 2565 ซึ่งบริษัทคาดว่า ECL จะกลับสู่ระดับปกติในปี 2566
ขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของ CHASE อย่าง ประชา ชัยสุวรรณ ได้รายงานการเข้าซื้อหุ้น CHASE เพิ่มเติมรวม 1 ล้านหุ้น ที่ราคาระหว่าง 2.80-2.88 บาท เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติม จากเดิมที่ถืออยู่ 1,017.08 ล้านหุ้น หรือ 51.23% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด จากการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566
สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566 ที่บริษัทเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่
- ขยายธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยวางแผนในการลงทุนซื้อสินทรัพย์ NPL เพิ่มเติมอีกประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี โดยเน้นการวิเคราะห์ผลตอบแทนของสินทรัพย์เพื่อสร้างผลตอบแทนสูงสุด
- เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ผ่านระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ประหยัดเวลา ลดข้อผิดพลาด และลดต้นทุน นอกจากนี้ยังพัฒนาช่องทางการติดต่อกับลูกหนี้ที่สะดวกสบายเพิ่มเติม ได้แก่ ผ่านแอปพลิเคชัน และออนไลน์
- พัฒนาทีมงานพนักงานติดตามทวงถาม เพื่อรองรับการเติบโตของทั้ง 2 ธุรกิจหลัก
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับสถาบันการเงิน เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ และขยายฐานลูกค้าของธุรกิจบริการติดตามทวงถาม