วันนี้ (8 มีนาคม) เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์หลังรับฟังปัญหาจากผู้นำชุมชนเขตคลองเตยและลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหลังจากนี้จะลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคเพื่อไทยในทุกจังหวัดทุกพื้นที่หรือไม่
เศรษฐาระบุว่า จะพยายามไปให้ครบทุกพื้นที่ ทุกเวที ทุกจังหวัด ในขั้นตอนแรกขอลงพื้นที่ไปฟังปัญหาเพื่อที่จะได้รวบรวมข้อมูลมาถกกันในพรรคหาทางแก้ไข นโยบายจะทยอยคลอดออกมาเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่าภาพลักษณ์ของเศรษฐาเป็นนักธุรกิจ จะขายภาพของตนเองอย่างไรให้เข้าถึงชาวบ้าน เศรษฐาระบุว่า ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องของการขายแต่เป็นเรื่องของการเก็บข้อมูล เป็นเรื่องการเข้าใจชาวไร่ชาวนาชาวสวนมีความต้องการอะไร หน้าที่ของตนคือการไปขยายนโยบายของพรรค เอาตัวตนตัวเองลงไปเพื่อแสดงความจริงใจอยากแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนยกระดับความเป็นอยู่
“ในส่วนผมและพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าทำเต็มที่ เพราะช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ประสบปัญหาเยอะเหลือเกิน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม หลายๆ มิติ” เศรษฐากล่าว
เศรษฐายังระบุกรณี อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้กำลังใจในการลงพื้นที่ว่า ขอบคุณมาก ก็เป็นกำลังใจ ทีมงานก็ทำงานทำการบ้านที่ดี มี ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยเป็นพี่เลี้ยง เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีและจะมีก้าวต่อๆ ไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์กวาดที่นั่ง ส.ส. ได้มากที่สุดในกรุงเทพมหานครหรือไม่ เศรษฐาระบุว่า ตนคิดว่าต้องฝากไว้เป็นคำตอบที่ประชาชนต้องให้ หน้าที่ของตนคือนำเสนอนโยบายที่เรามั่นใจจะโดนใจประชาชน
ส่วนกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ให้กำลังใจด้วยนั้น เศรษฐากล่าวยอมรับว่ารู้จักกับชูวิทย์ แต่ไม่ใช่แค่ชูวิทย์คนเดียว เพื่อนฝูงคนที่รู้จักก็ให้กำลังใจ และหวังว่าจะเป็นตัวของตัวเอง รักษามาตรฐานที่ตัวเองทำไว้ ก็ต้องคอยดูกันต่อ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลกับบทบาทนักแฉของชูวิทย์หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่าเป็นหน้าที่ของท่าน แต่ละคนก็มีหน้าที่ต่างกันไป ณ วันนี้ตนมีหน้าที่ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มาช่วยให้คำแนะนำแพทองธาร และมาช่วยด้านนโยบาย ซึ่งแพทองธารตั้งครรภ์มา 7 เดือน และจะเข้าเดือนที่ 8 แล้ว ตนคงลงพื้นที่มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการกวดวิชาในระยะเวลาที่สั้น แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
“ผมเป็นนักธุรกิจมาก่อน การเข้ามาสู่มิติใหม่ในช่วงชีวิตนี้ถ้าผมจะบอกว่าไม่กลัวเลยคงเป็นการโกหก แต่ผมว่าถึงเวลาแล้ว หน้าที่ที่ผู้ชายคนหนึ่งสะสมประสบการณ์มา 30 กว่าปี อยากที่จะนำเสนอตัวเองในพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีนโยบายตรงใจประชาชนมาโดยตลอด ผมก็มั่นใจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ก็ขอโอกาสแล้วกัน” เศรษฐากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ามั่นใจจะชี้แจงได้ทุกคำถาม เศรษฐากล่าวว่า “ก็จะพยายาม”
ส่วนกรณีที่ชูวิทย์เปิดชื่อ เบ้ง-ทศพงศ์ จารุทวี อยู่เบื้องหลังแสนสิริ เศรษฐากล่าวว่า “คุณเบ้งไม่ได้เกี่ยวกับแสนสิริครับ คุณทศพงศ์เป็นคู่เขยผมครับ รู้จักกันมานาน 30 กว่าปี ผมเป็นนักธุรกิจมานาน 30 กว่าปี รู้จักคนเยอะครับ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะกระทบกับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “มันขึ้นอยู่กับการวางตัวของผม ฝากดูช่วยให้ความเป็นธรรมแล้วกันว่าตรงไหนมีความไม่เหมาะสมหรือเปล่า”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าไม่เป็นความจริงจะมีการฟ้องร้องหรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า “ไม่หรอกครับ ไม่ได้มาค้าความ ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ศัตรูกับผมคือความยากจน ความเหลื่อมล้ำ อย่างที่เคยบอกไปแล้ว วันนี้ก็จะทำให้ดีที่สุด ยืนยันจะพยายามทำงานให้หนัก รวบรวมให้เพียงพอ ตอบโจทย์ของประชาชน”