หลังมีข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับกรอบเวลาของยูเครนในการเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ล่าสุด เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการ NATO ยืนยันว่า การเป็นสมาชิกของยูเครนเป็นเรื่องใน ‘ระยะยาว’ โดยเวลานี้ยูเครนจำเป็นต้องคงสถานะการเป็นรัฐเอกราชไว้ให้ได้ ในยามที่กำลังถูกรัสเซียรุกรานอย่างหนักในขณะนี้
ช่วงหลายปีที่ผ่านมายูเครนได้แสดงเจตจำนงที่จะเป็นรัฐสมาชิกองค์การพันธมิตรทางทหารอย่าง NATO มาตลอด ซึ่งรัสเซียวิตกว่าหากยูเครนเข้าร่วม NATO แล้ว จะทำให้รัสเซียไม่มียูเครนที่เป็นอดีตสหภาพโซเวียตเป็นรัฐกันชนอีกต่อไป ซึ่งก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่มอสโกตัดสินใจส่งกำลังทหารบุกยูเครนเมื่อ 1 ปีก่อน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ซึ่งหลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครนแล้ว ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้เรียกร้องให้ NATO พิจารณาคำขอเพื่ออนุมัติการเป็นสมาชิกให้เร็วขึ้น
“พันธมิตร NATO เห็นพ้องกันว่ายูเครนจะกลายเป็นสมาชิก NATO แต่ในขณะเดียวกันนั่นก็เป็นมุมมองในระยะยาว” สโตลเทนเบิร์กกล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างที่เขาอยู่ในกรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์
เขากล่าวว่า ปัญหาในตอนนี้ก็คือยูเครนจะต้องยืนหยัดในการเป็นรัฐที่มีเอกราชและอธิปไตยให้ได้
ก่อนหน้านี้มีความคลุมเครือว่าหากสงครามยุติลงแล้ว สมาชิกกลุ่ม NATO ที่มีสหรัฐฯ เป็นหัวหอกจะพิจารณาการเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของยูเครนจริงจังแค่ไหน ซึ่งสโตลเทนเบิร์กยืนยันในระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ ซานนา มาริน นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ ว่า เมื่อสงครามจบ “เราต้องรับประกันว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย”
นอกจากยูเครนแล้ว ฟินแลนด์และสวีเดนที่เดิมมีจุดยืนเป็นกลางทางการเมืองมาตลอดก็มีความต้องการเข้าร่วมองค์การ NATO เช่นกัน โดยเหตุการณ์การรุกรานยูเครนของรัสเซียเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สองประเทศนี้ตัดสินใจเข้าร่วม NATO ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกรัสเซียบุกโจมตีในสักวันหนึ่ง
โดยเมื่อวานนี้ (28 กุมภาพันธ์) รัฐสภาฟินแลนด์ได้เริ่มการอภิปรายเกี่ยวกับร่างกฎหมายที่จะเร่งกระบวนการยื่นขอเป็นสมาชิก NATO ของฟินแลนด์ โดยคาดว่าจะมีการลงมติภายในวันนี้ (1 มีนาคม)
ซึ่งจนถึงปัจจุบันมีเพียงตุรกีและฮังการีที่ยังไม่ให้สัตยาบันรับรองการยื่นขอเป็นสมาชิก NATO ของฟินแลนด์และสวีเดน
ภาพ: Dursun Aydemir / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: