จากผลสำรวจของ MLIV Pulse ชี้ให้เห็นว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงกำลังคุกคามงานส่วนใหญ่ในภาคการเงิน กฎหมาย และเทคโนโลยี แต่ความน่าสนใจนอกเหนือจากผลลัพธ์ของแบบสำรวจคือ มากกว่า 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถาม 292 คน กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้มองว่างานของตนเองมีความเสี่ยงในอีก 3 ปีข้างหน้านี้ แม้ว่าพวกเขาจะทำงานในภาคการเงินเป็นหลักก็ตาม
โดยกลุ่มคนส่วนใหญ่ที่มองว่าตัวเองไม่ได้มีความเสี่ยงจะถูกแทนที่ในอีก 3 ปีจากนี้คือ นักวิจัย, นักกลยุทธ์, นักเศรษฐศาสตร์, นักบริหารสินทรัพย์, ผู้จัดการกองทุน, นักลงทุนรายย่อย และเทรดเดอร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- รู้จัก ‘ChatGPT’ แชตบอตโด่งดังสุดอัจฉริยะ ที่กำลังเขย่าโลก ‘AI’ และอาจจุดชนวน Tech Disruption อีกครั้ง
- โลกสะเทือนหรือไม่? การมาของ ‘ChatGPT’ จะ Disrupt วงการใดบ้าง
- ChatGPT ปลุกยักษ์! Google ตั้งทีมพิเศษเร่งพัฒนาเทคโนโลยี สู้ศึกกับ OpenAI หวังชิงเค้กคืน
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้รับการพัฒนามายาวนานนับทศวรรษ แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ความสนใจใน AI เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ ChatGPT และ DALL·E ของ OpenAI ที่จุดประกายความตื่นเต้นอย่างกว้างขวางในหมู่นักลงทุน ด้วยเชื่อว่าจะใช้เครื่องมือนี้เพื่อสร้างผลตอบแทนจำนวนมหาศาล
ผู้เข้าร่วมการสำรวจความเห็นครึ่งหนึ่ง เชื่อว่าเทคโนโลยีนี้คุ้มค่าแก่การนำมาใช้ในการลงทุน อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าการใช้ AI ในหมู่นักลงทุนยังมีไม่มากนัก มีเพียง 12% ที่ใช้ AI เพื่อการลงทุน และเพียง 27% ที่วางแผนจะใช้ AI ในการลงทุน โดยมากกว่าครึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า ไม่ได้มีความคิดที่จะใช้ AI ด้วยซ้ำ
ผลลัพธ์ดังกล่าวตรงกันข้ามกับกระแสการลงทุน AI จากเหล่าบริษัทเทคยักษ์ใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ เช่น การลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ของ Microsoft ใน OpenAI ซึ่งเป็นผู้พัฒนา ChatGPT ขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่มีข่าวลงทุนใน AI อาทิ BuzzFeed, C3.ai, SoundHound AI และ BigBear.ai ต่างเป็นหุ้นที่มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก พร้อมกับราคาหุ้นที่ผันผวนอย่างรุนแรง
ถึงกระนั้น กระแสอันร้อนแรงของ ChatGPT ย่อมดึงดูดความสนใจให้แก่นักลงทุนจำนวนหนึ่ง โดยผู้ตอบแบบสำรวจกว่า 49% วางแผนซื้อหุ้นที่เปิดรับเครื่องมือ AI ประมาณ 41% ของผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมดกล่าวว่า พวกเขาตั้งใจที่จะเพิ่มความเสี่ยงในหุ้นเทคโนโลยีที่หลากหลายขึ้น ในขณะที่ 38% กล่าวว่า พวกเขาจะถือครองอย่างมั่นคงในช่วง 6 เดือนข้างหน้า
ธุรกิจและนักลงทุนต่างแข่งขันกันเพื่อเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสร้างสื่อ เช่น ข้อความและรูปภาพจากคำสั่งง่ายๆ หรือจัดการสนทนาแบบมนุษย์ในหัวข้อต่างๆ มากมาย บรรดาบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ เช่น Microsoft, Alphabet, Meta และ Amazon ต่างกำลังแข่งขันเพื่อนำเสนอเครื่องมือ AI ที่ชาญฉลาดที่สุดแก่ผู้คนจำนวนมาก
Wendy Hall ศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัยเซาท์แฮมป์ตัน กล่าวกับ Bloomberg TV ว่า สงคราม AI ได้เปิดฉากขึ้นแล้วระหว่างบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่
อ้างอิง: