วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) เทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 3 จังหวัดภูเก็ต พรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIA+ ถือเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูงเมื่อเปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คนกลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์แบบ Work Hard, Play Hard มีแนวโน้มในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากและบ่อยกว่าคนทั่วไป มีค่านิยมการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างเฟ้นหาสิ่งดีมีระดับผ่านสินค้าและบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนกับเรื่องนวัตกรรม เทคโนโลยี ของแบรนด์คุณภาพดีราคาสูง ที่สำคัญคือไม่มีภาระค่าใช้จ่ายทางครอบครัวมากเท่ากับครอบครัวพ่อแม่ลูก ฯลฯ
เทมส์กล่าวว่า พรรคเราเห็นโอกาสนี้และพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น จึงเสนอยุทธศาสตร์ Rainbow Economy หรือเศรษฐกิจสีรุ้ง ที่ส่งเสริมและเปิดกว้างสำหรับการสร้างเศรษฐกิจรองรับ LGBTQIA+ ทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากกลุ่มนักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ทั่วโลก 1 ล้านล้านบาท ด้วยการดึงคนเหล่านี้ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศ สร้างกิจกรรมที่ดึงดูดความสนใจและเทศกาลอย่างที่ทั่วโลกนิยมกัน
โดยภาครัฐเป็นแกนใหญ่สนับสนุน ไม่ปล่อยแค่ให้เอกชนทำกันอย่างที่ผ่านมา และไม่เพียงแต่มิติในด้านความเท่าเทียมของความหลากหลายทางเพศ รัฐจะต้องส่งเสริมจริงจัง สร้างสภาพแวดล้อมทุกด้านรองรับเศรษฐกิจสีรุ้งด้วย
เทมส์กล่าวด้วยว่า เราควรใช้โอกาสที่ประเทศไทยกำลังเตรียมพร้อมเรื่องของกฎหมายสมรสของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ สมรสเท่าเทียม แม้จะเป็นแค่การเริ่มต้น แต่ก็เป็นการแง้มประตูให้ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีของการยอมรับสิทธิและศักดิ์ศรีแห่งความเป็นคนเท่ากัน
แต่หากจะให้เปิดประตูกว้างกว่านี้ ประตูแห่งการยอมรับความหลากหลายทางเพศโดยแท้ และโอกาสทางเศรษฐกิจก็จะเพิ่มมากขึ้น หากต่อยอดไปถึงการจดทะเบียนสมรสของชาวต่างชาติได้ จะยิ่งเติมเต็มรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า มีข้อมูลว่านักท่องเที่ยว LGBTQIA+ ราวกว่า 80% เคยเผชิญบรรยากาศไม่ประทับใจระหว่างการท่องเที่ยว จากการที่ผู้คนและชุมชนบางแห่งในบางประเทศมีบรรยากาศที่ไม่ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ จนทำให้เกิดความไม่ประทับใจและรู้สึกไม่ดี แต่สังคมไทยและคนไทยเราเป็นมิตรและเปิดกว้าง ซึ่งเอื้อต่อความรู้สึกดีต่อการมาเยือนและการใช้ชีวิต
ทั้งนี้ ปัจจุบัน LGBTQIA+ ทั่วโลกมีมากถึง 486 ล้านคน อยู่ในเอเชีย 288 ล้านคน และเป็นคนไทยประมาณ 4 ล้านคน มีอำนาจการใช้จ่ายอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่หากนับรวมทั่วโลกจะมีอำนาจการใช้จ่ายรวมกันถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แถมผู้ประกอบการโรงแรมของไทยยังพบข้อมูลด้วยว่า กลุ่มคู่รัก LGBTQIA+ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยใช้จ่ายเงินมากกว่าคู่รักชายหญิงประมาณ 50%
เทมส์กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับนโยบาย Rainbow Economy คือ 1 ใน 7 ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเฉดสี (Spectrum Economy) โอกาสทางเศรษฐกิจไทย ที่พรรคชาติพัฒนากล้านำเสนอ เนื่องจากเห็นโอกาสที่จะสร้างเงิน สร้างงาน สร้างรายได้ให้ประชาชน ประเทศเราจะไปต่อได้จริงๆ รัฐบาลต้องหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ ที่ไม่ใช่รอภาษีจากประชาชนแค่อย่างเดียว