วันนี้ (30 มกราคม) เวลา 15.00 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค ร่วมกันแถลงข่าวต้อนรับ อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ พล.อ. วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เข้ามาร่วมงานกับพรรค
พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่น่ายินดีที่พรรคพลังประชารัฐได้ต้อนรับ 2 หัวหน้าพรรคการเมืองอย่างพรรครวมแผ่นดิน และพรรคสร้างอนาคตไทย รวมถึงเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย ถือเป็นเกียรติให้กับพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างยิ่ง ตนเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่เป็นคนฟังเก่ง และฟังรู้เรื่องด้วย
“อยากจะฝากบอกกับทุกคนว่า ภาพลักษณ์ของเราวันนี้เป็นพรรคที่เราสามารถร่วมงานกันกับทุกฝ่าย ก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยทั้ง 3 ท่านก็จะเข้ามาช่วยพรรคพลังประชารัฐในหลายๆ ด้าน ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ เพื่อจะให้พรรคมีความเข้มแข็ง เราต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจในวันนี้ด้วย” พล.อ. ประวิตรกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการมาของทั้ง 3 คน จะช่วยให้ พล.อ. ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ใช่หรือไม่ พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า แบบนี้ต้องให้ประชาชนเลือก ถ้าจะให้ตนเป็นนายกฯ คนที่ 30 ประชาชนต้องเป็นคนเลือก ตนถึงจะได้เป็น ถ้าประชาชนไม่เลือกตนจะได้เป็นได้อย่างไร
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า จะป้องกันความขัดแย้งภายในพรรคได้หรือไม่ พล.อ. ประวิตรปฏิเสธว่าไม่เคยมีความขัดแย้ง การที่อุตตมและสนธิรัตน์เคยออกจากพรรคไปก็ไม่ใช่เพราะความขัดแย้ง แต่ออกไปเพราะไปทำพรรคของตัวเอง
ขณะที่อุตตมเผยสาเหตุที่ย้ายกลับเข้ามาพรรคพลังประชารัฐว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการกลับมาสร้างความปรองดอง ขอขอบพระคุณ พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค ที่ได้เชิญชวนพวกตนมาทำงานร่วมกัน ในเวลานี้ที่ประเทศชาติต้องการเดินหน้า ซึ่ง พล.อ. ประวิตร ได้แสดงอุดมการณ์มุ่งมั่นชัดเจนในการรวบรวมผู้คนจากหลายฝ่ายมาทำงานด้วยกัน ถือว่าตนได้รับเกียรติอย่างยิ่ง
“พวกผมก็เคยเป็นสมาชิกเก่าในบ้านหลังนี้ และมีส่วนริเริ่มสร้างพรรคพลังประชารัฐมา มีส่วนคิดและผลักดันนโยบาย เช่น เรื่องประชารัฐสวัสดิการ บัตรประชารัฐ วันนี้พวกผมเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีเพราะเราได้ทำมาพักหนึ่ง เมื่อไม่มีโอกาสได้ทำต่อ เราก็เฝ้าดูว่างานจะเดินต่อไปได้สมบูรณ์เพียงใด วันนี้ถือเป็นโอกาสเมื่อเราได้กลับมาทำงานร่วมกัน ซึ่งหัวหน้าพรรคได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าท่านจะนำพรรคขับเคลื่อนนโยบายเหล่านี้ พวกผมยินดีจะมาทำงานกับทุกท่านที่มีอุดมการณ์ร่วมกันกับหัวหน้าพรรคว่าวันนี้ก้าวข้ามความขัดแย้งได้แล้ว” อุตตมกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ความขัดแย้งในอดีตนั้นไม่ติดใจแล้วใช่หรือไม่ อุตตมย้ำว่า ท่านหัวหน้าพรรคได้พูดไปแล้วว่าวันนี้เป็นเรื่องของการก้าวข้ามความขัดแย้ง มาเพื่อสร้างความปรองดอง ไม่มีอะไรติดใจ ตอนพวกตนเดินออกก็ไม่ได้มีความขัดแย้ง เรื่องความเห็นต่าง เข้าใจไม่ตรงกัน คลาดเคลื่อนกันบ้าง ธรรมดามาก เกิดขึ้นได้ในวงการเมือง แต่วันนี้ถ้าเราตั้งใจพร้อมกันแล้วว่ามาทำด้วยกัน ก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่ติดใจอะไรทั้งนั้น
อุตตมยังปฏิเสธอีกว่าไม่มีเงื่อนไขต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ขณะที่พรรคสร้างอนาคตไทยก็ยังเดินต่อไปได้ในฐานะพรรค ซึ่งแน่นอนว่าจะมีผู้บริหารใหม่ มีทีมงานที่เข้ามาสานต่อ และเชื่อว่าจะมีสมาชิกจากพรรคเดิมทยอยตามเข้ามาอีก
“การที่ก้าวเข้ามาในพรรคพลังประชารัฐ พวกผมได้ปรึกษากับอาจารย์สมคิด ท่านก็ยินดี ท่านบอกว่าตราบใดที่เป็นการมาช่วยกัน แล้วทำให้ประเทศชาติเดินไปได้ ปรองดอง ลดความขัดแย้ง ท่านยินดีและสนับสนุน ดังนั้นความสัมพันธ์ก็ยังเหมือนเดิม ส่วนจะมาช่วยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ผมตอบแทนท่านไม่ได้” อุตตมกล่าว
ขณะที่สนธิรัตน์เผยว่า ความรู้สึกวันนี้เหมือนได้กลับบ้าน เพราะหลายคนในที่นี้ก็รู้จักคุ้นเคย มาที่นี่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแปลกอะไร เพราะเรามีความคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ก็ยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้กลับมาร่วมทำงานกับท่านหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรค รวมถึงสมาชิกพรรค
“วันนี้เป็นสัญลักษณ์ว่าประเทศต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ที่ผ่านมาประเทศอ่อนแอ เพราะเราแตกเป็นส่วนๆ อย่างมาก ทำให้ความเข้มแข็งของสถาบันการเมืองอ่อนแอลง สิ่งที่สำคัญที่สุด สถาบันการเมือง พรรคการเมืองต้องเข้มแข็ง” สนธิรัตน์กล่าว