IMF ชี้ว่า การใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่นเหมาะสมแล้ว แต่แนะให้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมเส้นผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว และสื่อสารกับตลาดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายมากขึ้น
วันนี้ (26 มกราคม) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานประจำปีเกี่ยวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่น โดยระบุว่า การใช้นโยบายผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ ยังคง ‘เหมาะสม’ อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นไปได้ในระดับสูงว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจเสี่ยงที่จะเอียงไปทางขาขึ้น โดยอ้างถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินเยน การเปิดพรมแดนอีกครั้งของญี่ปุ่น และมาตรการสนับสนุนทางการคลัง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนธันวาคม BOJ ได้ขยายกรอบการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี จากระหว่างบวกและลบ 0.25% เป็นระหว่างบวกและลบ 0.5% จาก 0.25% โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว BOJ ยังคงนโยบายนี้ไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ ฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวยืนยันว่า จะยังคงใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป โดยตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ให้ได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง
IMF ระบุในรายงานว่า “ความยืดหยุ่นที่มากขึ้นสำหรับอัตราผลตอบแทนระยะยาวจะช่วยหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันในภายหลังได้” พร้อมย้ำว่า สิ่งนี้จะ “ช่วยจัดการความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้ดีขึ้น และยังช่วยแก้ไขผลข้างเคียงของมาตรการผ่อนคลายทางการเงินที่ยืดเยื้อได้อีกด้วย”
IMF ยังแนะนำอีกว่า BOJ อาจพิจารณาขยายกรอบการเคลื่อนไหว Bond Yield 10 ปีให้กว้างขึ้น หรือขยายเป้าหมายกรอบการเคลื่อนไหวของ Bond Yield 10 ปี หรือเปลี่ยนจากเป้าหมายอัตราผลตอบแทนไปเป็นปริมาณการซื้อพันธบัตรแทน
นอกจากนี้ IMF ยังแนะอีกเรื่องว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินแบบ ‘มีการสื่อสารที่ดี’ จะช่วยทำให้การเปลี่ยนแปลงดำเนินไปอย่างราบรื่นขึ้น และช่วยปกป้องเสถียรภาพทางการเงินได้ด้วย
IMF ยังคาดการณ์ด้วยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริงของญี่ปุ่นจะขยายตัว 1.4% ในปี 2022 และ 1.8% ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงด้านลบภายนอกที่สำคัญต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น เช่น ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ลึกขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างกะทันหัน และภัยคุกคามทางไซเบอร์
IMF แนะอีกว่า การสนับสนุนทางการคลังสำหรับการฟื้นตัวหลังโควิด ‘ควรถอนออกโดยเร็ว’ เนื่องจากมาตรการเหล่านั้นสามารถกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ผู้นำ IMF เตือนปี 2023 เศรษฐกิจโลกจะเผชิญกับ ‘ความยากลำบาก’ มากขึ้น
- IMF เตือนการแยกส่วนของเศรษฐกิจโลก อาจสร้างความเสียหายมากถึง 7% ของ GDP โลก
- คริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้นำ IMF ชี้ การเปิดประเทศของจีนจะเป็นกุญแจสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้
อ้างอิง: