สรุปรวบดราม่าร้อน แจ็คสัน หวัง เมื่อศิลปินสัญชาติ ‘ฮ่องกง’ ปกป้องจีนระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิดกระแสร้อนฉ่าขึ้นในโลกโซเชียล เมื่อ แจ็คสัน หวัง ศิลปิน K-Pop ชื่อดังระดับโลก ได้ออกตัวกล่าวปกป้องประเทศจีนจากการโจมตีของสื่อตะวันตก ขณะที่เจ้าตัวกำลังออกทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมจากชาวจีนไปไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกัน นักร้องหนุ่มก็ทำให้หลายคนไม่พอใจ เพราะจริงๆ แล้วแจ็คสันถือสัญชาติฮ่องกง ทำให้ฝ่ายที่สนับสนุนฮ่องกงก็ออกมาตั้งคำถามว่า “ในเมื่อเขาเป็นคนฮ่องกง ทำไมถึงได้ออกตัวสนับสนุนจีนนัก?” แถมยังมีการขุดประเด็นที่แจ็คสันเคยประกาศตัวว่า ‘เขาเป็นคนจีน’ ขึ้นมาด้วย

นี่จึงเป็นอีกครั้งที่โลกโซเชียลตั้งคำถามถึงสิ่งที่แจ็คสันทำว่า ตกลงแล้วศิลปินชาวฮ่องกงผู้นี้สนับสนุนนโยบาย ‘จีนเดียว’ หรือไม่ ท่ามกลางการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนจากบรรดาแฟนคลับ

เกิดอะไรขึ้นที่คอนเสิร์ตในลอนดอน

เมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมา ในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ต Magic Man ของแจ็คสันที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ ก็ได้มีวิดีโอจากแฟนคลับที่ไปร่วมคอนเสิร์ตของเขาถูกอัปโหลดลงทาง Twitter โดยในวิดีโอเป็นช่วงที่แจ็คสันกำลังพูดคุยกับแฟนๆ เขากล่าวว่า “ผมอยากจะแนะนำตัวเองให้กับแฟนๆ ชาวลอนดอน ผมรักคุณมาก ผมเป็นห่วงคุณนะ ผมคือ แจ็คสัน หวัง จากประเทศจีนครับ”

หลังจากที่แจ็คสันแนะนำตัวเสร็จ เขาก็เริ่มพูดต่อว่า “ที่นี่คือบ้านของผม คือประเทศบ้านเกิดของผม พวกสื่อชอบพูดอะไรแย่ๆ ที่ไม่ใช่ความจริงของจีน” และ “ถ้าลองไปเที่ยวจีนสักครั้ง คุณจะรู้ว่าประเทศนี้โคตรสุดยอด”

โดยในระหว่างที่เขาพูดนั้น ได้มีการสบถคำหยาบออกมาหลายครั้งด้วยกัน และเหตุการณ์นี้เองที่ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของแจ็คสันอย่างหนักในโลกโซเชียล

ย้อนทำความรู้จัก ‘แจ็คสัน หวัง’ คือใคร

แจ็คสัน หวัง หรือ หวังเจียเออร์ เป็นชาวฮ่องกงที่เกิดมาในครอบครัวนักกีฬาระดับชาติ โดยก่อนที่เขาจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงนั้น แจ็คสันมีดีกรีเป็นถึงอดีตนักกีฬาฟันดาบทีมชาติฮ่องกง โดยเขาเคยได้อันดับที่ 11 จากการแข่งขันกีฬา 2010 Summer Youth Olympics และยังเคยคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขันกีฬา Asian Junior and Cadet Fencing Championships ในปี 2011 อีกด้วย

แต่หลังจากนั้น เขาก็ยุติบทบาทนักกีฬาทีมชาติ และออกเดินทางมายังเกาหลีใต้เพื่อทำตามความฝันของตัวเอง

หลังจากย้ายมาอยู่ที่เกาหลีใต้ แจ็คสันก็ได้กลายเป็นเด็กฝึกหัดภายใต้ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่อย่าง JYP Entertainment โดยแจ็คสันเป็นเด็กฝึกหัดอยู่ประมาณ 3 ปี (2011-2014) ก่อนที่เขาจะได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในฐานะ 1 ใน 7 สมาชิกของวง GOT7

852 Hong Kong Pride

นับตั้งแต่เดบิวต์เป็นศิลปิน K-Pop ในวง GOT7 เมื่อปี 2014 แจ็คสันมักจะแนะนำตัวเองว่า “สวัสดีครับ ผม แจ็คสัน หวัง จากฮ่องกง” อยู่เสมอ ทำให้เกิดเป็นแก๊ง ‘อเมริไทยกง’ ขึ้นในวง GOT7 ซึ่งก็มาจากการที่ 3 ใน 7 ของสมาชิกวงนั้นเป็นคนอเมริกัน คนไทย และคนฮ่องกงนั่นเอง

นอกจากนี้ แจ็คสันยังมักจะนำความเป็นฮ่องกงมารวมอยู่ในหลายๆ สิ่งที่เป็นของเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการนำเลข 852 ซึ่งเป็นตัวเลขรหัสของฮ่องกงมาใส่ไว้ใน Instagram ส่วนตัว รวมถึงการใส่เสื้อผ้าที่มีเลข 852 และการโบกธงชาติฮ่องกงขณะอยู่ที่สนามบินหรือบนเวทีคอนเสิร์ต

แต่ถัดมาในปี 2016 แจ็คสันก็เริ่มเปลี่ยนการแนะนำตัวเองเป็น “สวัสดีครับ ผม แจ็คสัน หวัง จากจีน” และประโยคที่ว่า 852 Hong Kong Pride ก็ถูกลบหายไปจากบัญชี Instagram

ต่อมาในปี 2017 แจ็คสันได้ก่อตั้งค่ายเพลงของเขาเองขึ้นในจีน โดยใช้ชื่อค่ายเพลงว่า Team Wang และได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นครั้งแรกในปีดังกล่าวด้วย

เรียกผมว่า China Man

สื่อของเกาหลีใต้ตั้งข้อสังเกตว่า หลังจากที่แจ็คสันเริ่มโด่งดังในจีนเมื่อปี 2016 เขาได้เริ่มพูดถึงความเป็นจีนมากขึ้น

ในปีเดียวกัน แจ็คสันได้โพสต์ข้อความสนับสนุนนโยบายจีนเดียวลงในบัญชีเว่ยป๋อ (Weibo) ของตัวเองอยู่หลายครั้ง เช่น ‘บนโลกนี้มีแค่จีนเดียว’ หรือ ‘ผมเป็นหนึ่งในประชาชน 1.4 พันล้านคนที่จะร่วมปกป้องธงชาติจีน’ และเจ้าตัวยังมีการโพสต์รูปธงชาติจีนลงในบัญชีเว่ยป๋ออยู่บ่อยครั้ง

ถัดมาในปี 2019 ในคอนเสิร์ตของวง GOT7 ในทวีปอเมริกาใต้ แจ็คสันได้นำธงชาติจีนขึ้นมาโบกและคลุมตัวเองในขณะแสดง และบอกให้เหล่าแฟนคลับเรียกเขาว่า ‘China Man’ การกระทำทั้งหมดของแจ็คสันทำให้ประชาชนชาวเกาหลีได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างดุเดือด และนี่คือตัวอย่างความคิดเห็นของชาวเกาหลีใต้บนเว็บบอร์ด

“ฉันเกลียดพวกที่บอกว่า ‘เขาต้องทำแบบนี้ก็เพราะครอบครัวเขาอาศัยอยู่ในประเทศจีน’ ถ้างั้นชาวฮ่องกงจะออกมาประท้วงต่อต้านรัฐบาลทำไมล่ะ พวกเขาก็มีครอบครัวอยู่ที่นั่นเหมือนกัน? พวกเธอคิดว่าแจ็คสันคือคนเดียวที่มีครอบครัวหรือไง? และพวกเราก็ไม่ได้คาดหวังให้เขาต้องลุกขึ้นสู้กับจีนสักหน่อย เขาควรที่จะอยู่เงียบๆ นะ สิ่งที่เขาทำอยู่มันคือการสนับสนุนการฆาตกรรม อยู่เงียบๆ ไปก็พอแล้วนี่”

“อาจจะเป็นเพราะว่าฉันเป็นแฟนตัวยงของการแข่งขันกีฬา ความจริงที่ว่าคนที่เคยเป็น ‘นักกีฬาทีมชาติ’ ทิ้งประเทศของตัวเองแบบที่เขาทำเลยทำให้ฉันหงุดหงิดมาก”

“ถ้าเขาจะโปรโมตตัวเองในนามความภาคภูมิใจของฮ่องกง อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรโพสต์อะไรแบบนั้นนะ”

นอกจากนี้ ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ในรายการวาไรตี้ของเกาหลีใต้ แจ็คสันถูกถามว่า “นายเป็นคนฮ่องกงใช่ไหม” ก่อนที่เขาจะตอบว่า “ผมเป็นคนจีนครับ”

ขณะเดียวกัน แจ็คสันยังได้รับการสนับสนุนจากสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนอย่างมาก หลังจากที่เขาได้โพสต์ลงในบัญชีเว่ยป๋อของตัวเองว่า เขานั้นเป็นหนึ่งในประชาชน 1.4 พันล้านคนที่จะร่วมปกป้องธงชาติจีน อีกทั้งแจ็คสันยังได้รับเชิญให้ไปทำการแสดงในงาน 2022 Spring Festival Gala ที่เป็นรายการโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในจีน

ต่อมาในปี 2021 สมาชิกของวง GOT7 ทั้งหมดก็ตัดสินใจออกจากค่าย JYP Entertainment และแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง โดยหลังจากที่วง GOT7 หมดสัญญากับ JYP Entertainment แจ็คสันก็ยังคงปล่อยผลงานเพลงของเขาออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามภายใต้การดูแลของค่าย Team Wang นอกจากนี้ แจ็คสันก็ยังคงมีการออกทัวร์คอนเสิร์ตและเข้าร่วมอีเวนต์ทั้งในและนอกประเทศจีนอยู่อย่างต่อเนื่อง

เข้าใจ ‘จีนเดียว’ คืออะไร?

One China Policy หรือนโยบายจีนเดียว เป็นนโยบายที่ยืนยันว่ามีเพียงรัฐเดียวเท่านั้นที่ใช้ชื่อว่า ‘จีน’ ก็คือสาธารณรัฐประชาชนจีน และนโยบายนี้ก็เป็นจุดยืนที่จีนใช้ยืนกรานกับนานาประเทศที่ต้องการจะสานสัมพันธ์กับจีนว่า “พวกเขาจะต้องเลือกแค่จีนเดียวเท่านั้น” เนื่องจากจีนแผ่นดินใหญ่ไม่ยอมรับการประกาศตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน และเชื่อว่าอย่างไรไต้หวันก็ต้องกลับมารวมกับจีนในสักวัน

ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองในจีนและสงครามเย็นช่วงแรก (ปี 1945-1949) สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนรัฐบาลชาตินิยมที่นำโดย ก๊กมินตั๋ง ส่วนสหภาพโซเวียตหนุนหลังพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งต่อมาสามารถปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ได้ทั้งหมด และประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในปี 1949

ก๊กมินตั๋งลี้ภัยหนีไปตั้งรัฐบาลที่เกาะไต้หวัน หลังแพ้คอมมิวนิสต์ในสงครามกลางเมือง สหรัฐฯ ยังให้การสนับสนุนก๊กมินตั๋งต่อไป โดยให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาต่างๆ เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจของตนเอง

ส่วนฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่ชนะในสงครามกลางเมืองก็ได้เริ่มขึ้นปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน (People’s Republic of China) แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็อ้างตัวว่าฝั่งของตนนั้นเป็นตัวแทนของจีน

ในช่วงแรก หลายประเทศในโลกรวมถึงสหรัฐอเมริกาต่างก็เลือกที่จะสานสัมพันธ์กับไต้หวันเพราะอยากหลีกเลี่ยงฝ่ายคอมมิวนิสต์ แต่ในช่วงที่จีนและโซเวียตเกิดความขัดแย้งทางการทูตในช่วงทศวรรษ 1960 ได้เปิดโอกาสให้สหรัฐฯ หันมาเป็นมิตรกับจีนมากขึ้น

ปี 1979 สหรัฐฯ ตัดสินใจสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนอย่างเป็นทางการ จากเดิมที่ให้การยอมรับไต้หวัน และเกิดเป็น ‘นโยบายจีนเดียว’ (One China Policy) ขึ้น ซึ่งเป็นพันธกรณีที่สหรัฐฯ จะต้องยอมรับว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลจีนหนึ่งเดียวที่ถูกต้องตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ไม่เคยประกาศรับรองว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะไต้หวัน และยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างไม่เป็นทางการเสมอมา

กระแสตอบรับของสังคมต่อการกระทำของ แจ็คสัน หวัง

จากการออกมาพูดของแจ็คสันในคอนเสิร์ตของเขาที่ประเทศอังกฤษ ก็มีประชาชนชาวจีนหลายคนที่ชื่นชอบและชื่นชมการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก โดยหลายคนก็ได้แสดงความคิดเห็นในวิดีโอของแจ็คสันที่ถูกปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็น

“ฉันภูมิใจและเคารพในตัวเขามากเลย จะมีคนดังสักกี่คนกันที่กล้าออกมาพูดเพื่อประเทศของตัวเองแบบเขา?”

“เขาไม่ใช่แค่นักร้องธรรมดาๆ นะ แต่เขาคือศิลปินที่ใส่ใจกับชีวิตและสังคมจริงๆ”

“เขาต้องได้รับการอบรมสั่งสอนจากครอบครัวแบบพิเศษสุดๆ แน่เลย”

ในขณะเดียวกัน ก็มีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่าแจ็คสันพลั้งปากพูดออกไปเพราะความเมา เนื่องจากในวิดีโอเราสามารถสังเกตได้ว่า แจ็คสันกำลังถือขวดเหล้าอยู่ในมือ และจริงๆ แล้วแจ็คสันไม่ได้สนับสนุนนโยบายจีนเดียวแต่อย่างใด

รวมไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่าแจ็คสันเคยเปิดเผยความจริงที่ว่าเขาใช้แอลกอฮอล์เพื่อช่วยให้ตัวเองผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในรายการ Daebak Show เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2022 ทำให้หลายๆ คนเริ่มตั้งข้อสังเกตว่าแจ็คสันอาจจะกำลังมีปัญหาเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์และการควบคุมตัวเอง ขณะที่เขาดื่มและทำงานไปด้วยในเวลาเดียวกัน

ในปัจจุบัน ประเด็นเรื่องคนดังออกมาสนับสนุนนโยบายจีนเดียวก็ยังคงได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงอยู่เป็นระยะว่า การออกมาสนับสนุนนโยบายนี้ของพวกเขานั้นเหมาะสมหรือไม่ เพราะฝ่ายหนึ่งมองว่า การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของคนดังอาจมีอิทธิพลต่อคนหมู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประวัติศาสตร์ของนโยบายจีนเดียวมีส่วนทำให้ชาวฮ่องกงหลายคนต้องเจ็บปวด ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่า การแสดงความคิดเห็นเรื่องการเมืองไม่ว่าจะประเด็นใดล้วนเป็นสิทธิและเสรีภาพของทุกคน

อ้างอิง: