ผลการศึกษาชี้ว่าอุตสาหกรรมสีเขียวอาจมีมูลค่า 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5% ของ GDP โลกภายในปี 2050 เนื่องจากตลาดใหม่ๆ สำหรับสินค้าและบริการสีเขียวจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนว่าการเปลี่ยนผ่านสีเขียวนี้ไม่ใช่ภาระต่อเศรษฐกิจโลก แต่เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำมาซึ่งความรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่และทั่วถึงมากขึ้น
Arup บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ Oxford Economics บริษัทที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ระบุในรายงานว่า อุตสาหกรรมที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อาจมีมูลค่าถึง 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2050
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เมื่อ ‘เป้าหมายสีเขียว’ และ ‘เป้ายอดขาย’ ไม่สอดคล้องกัน เปิดช่องโหว่นโยบาย สิ่งแวดล้อม ในอุตสาหกรรมแฟชั่น
- ธปท. เตรียมออก Standard Practice ด้านสิ่งแวดล้อมในไตรมาส 3 พร้อมกำหนดให้แบงก์ส่งแผนและเป้าสีเขียวที่จับต้องได้ต้นปีหน้า
- Brand & Marketing Trend 2022: เปิดเทรนด์ยุคใหม่ของโลกหลังโควิด แบรนด์ถึงเวลาต้องเปลี่ยนครั้งใหญ่
สภาพอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทั่วโลก ตั้งแต่คลื่นความร้อนไปจนถึงน้ำท่วม ได้ผลักดันให้รัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมร่วมกันหาทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
Adrian Cooper ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Oxford Economics กล่าวในถ้อยแถลงว่า ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ เราต้องพูดตรงๆ ว่าการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นมีค่าใช้จ่ายสูง แต่การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจโลกที่เป็นกลางทางคาร์บอนก็นำเสนอโอกาสที่น่าสนใจ
การวิเคราะห์ยังแสดงให้เห็นว่าตลาดใหม่สำหรับสินค้าที่เป็นกลางทางคาร์บอน และบริการที่สนับสนุนเป้าหมายสุทธิเป็นศูนย์ของความตกลงปารีส (Paris Agreement) จะมีมูลค่า 10.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นประมาณ 5% ของ GDP โลก ภายในกลางศตวรรษนี้
นอกจากนี้รายงานยังแสดงให้เห็นว่า ขณะที่อุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานสะอาดท่ามกลางวิกฤตพลังงานทั่วโลก การหยุดชะงักที่ตามมาอาจจะสร้างโอกาสทางการแข่งขันใหม่ๆ สำหรับบริษัทต่างๆ ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วให้ทันกับความต้องการที่เปลี่ยนแปลง
Arup และ Oxford Economics ยังพบว่า การเปลี่ยนผ่านสีเขียว (Green Transition) จะนำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพจำนวนมาก จากการบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อเทียบกับโลกที่ไม่สามารถตรวจสอบหรือจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้
การวิเคราะห์สถานการณ์โดย Oxford Economics ชี้อีกว่า ความล้มเหลวในการดำเนินการอาจสร้างความเสียหายต่อ GDP ทั่วโลกประมาณ 5% ภายในปี 2050 เนื่องจากในปี 2021 ต้นทุนของการหยุดชะงักที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจสูงถึง 233 พันล้านดอลลาร์แล้ว
Brice Richard หัวหน้าทักษะกลยุทธ์ระดับโลกของ Arup กล่าวว่า รายงานนี้แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านสีเขียวไม่ใช่ภาระต่อเศรษฐกิจโลก แต่เป็นโอกาสสำคัญที่จะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่และทั่วถึงมากขึ้น
อ้างอิง: