ภายหลังจากการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่โด่งดังที่สุดในโลกอย่าง Tesla ในประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้ว จนทำให้เกิดกระแสความฮือฮาอย่างมากด้วยราคาเปิดตัวที่เขย่าวงการอย่างรุนแรง แต่ยังมีคำถามที่ตามมาในเรื่องของ ‘ประกันรถ’ ที่เป็นสิ่งที่เจ้าของรถต้องทำว่าจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
เนื่องจากรถยนต์พลังไฟฟ้าในประเทศไทยยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาป อีกทั้งยังมีเรื่องของอุปกรณ์อะไหล่ต่างๆ ที่แม้ปกติแล้วจะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลบำรุงรักษาต่ำกว่า แต่ความที่อะไหล่มีน้อยและหายาก ทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูงกว่าตามไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Tesla หั่นราคารถรุ่นโมเดล 3 และ Y ในจีนลงอีก 6-13.5% หลังยอดขายเดือน ธ.ค. รูดกราว
- Tesla รายงานการส่งมอบรถยนต์ 1.31 ล้านคันในปี 2022 เพิ่มขึ้น 40% จากปีที่แล้ว
- ‘อีลอน มัสก์’ ร่อนอีเมลถึงพนักงาน Tesla ปลอบใจว่าไม่ต้องไปสนใจตลาดหุ้นที่ ‘ผันผวน’
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาค่อนข้างสูงอย่าง Tesla ก่อนหน้านี้ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยรวมถึงศูนย์บริการอย่างเป็นทางการ ทำให้หากรถยนต์เกิดขัดข้องหรือประสบอุบัติเหตุ ศูนย์บริการอิสระจะต้องสั่งอะไหล่นำเข้ามาเอง ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง หรือหากมีปัญหาหนัก ต้องส่งรถกลับศูนย์ต้นทางที่นำเข้ามา ทำให้การคำนวณค่าเบี้ยประกันจึงต้องสูงอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
โดยในช่วงกลางปี 2565 ค่าเบี้ยประกันสำหรับรถ Tesla อยู่ที่ 63,000-100,000 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับทุนประกันภัย ซึ่งจะมีตั้งแต่ 2,400,000 บาท ไปจนถึง 4,000,000 บาทขึ้นไป ซึ่งแม้จะไม่ได้ห่างจากประเทศต้นกำเนิดแบรนด์อย่างสหรัฐอเมริกามากนัก แต่เมื่อคิดถึงค่าครองชีพแล้ว เรื่องนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจสำหรับคนที่คิดจะซื้อรถมาใช้เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ดี ที่สหรัฐฯ ทางด้าน Tesla ได้ริเริ่มทำระบบประกันภัยด้วยตัวเองที่เรียกว่า Tesla Insurance ซึ่งสนนราคาจะต่ำกว่าบริษัทประกันภัยทั่วไป และมีความน่าสนใจตรงที่มีการคำนวณเบี้ยประกันจากข้อมูลการขับขี่ของผู้ใช้งานเอง โดยใช้เป็นระบบการให้คะแนนที่เรียกว่า Safety Score (ปัจจุบันยังเป็นเวอร์ชัน Beta)
ความล้ำสมัยของรถยนต์ Tesla ทำให้การเก็บข้อมูลการขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดาย ซึ่ง Tesla Insurance จะคำนวณค่าเบี้ยประกันให้เราผ่านระบบเตือนชนคันหน้า, การเบรกรุนแรง, การหักพวงมาลัยเร็ว, การขับจี้คันหน้า, การโดนลงโทษปิดระบบ Autopilot เพราะไม่จับพวงมาลัย และการขับตอนกลางคืน ซึ่งจับโดยเทคโนโลยีล้ำสมัยในรถ
ระบบจะคำนวณเป็นคะแนนตั้งแต่ 1-100 คะแนน ซึ่งหากทำคะแนนได้มาก ค่าเบี้ยประกันก็จะยิ่งถูกลงตามลำดับ โดยที่ผู้ขับรถสามารถตรวจสอบคะแนนของตัวเองได้ตลอดเวลาผ่านแอปพลิเคชัน และข้อมูลที่เก็บได้นั้นจะไม่ถูกแชร์ไปที่ไหน จะเป็นของเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
ข้อดีของระบบนี้คือ ยิ่งทำคะแนนดีมาก สม่ำเสมอ และต่อเนื่องเท่าไร ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลงมากขึ้นเท่านั้น แต่ข้อเสียสำหรับเจ้าของบางกลุ่มคือ อาจจะทำให้การขับขี่ไม่เป็นธรรมชาตินัก ความสนุกในการขับขี่ไปตามท้องถนนลดน้อยลง พะวงกับการเก็บคะแนนมากเกินไป แต่สิ่งที่น่าสนใจคือนี่อาจเป็นสิ่งที่มาดิสรัปต์การประกันภัยรถยนต์ในอนาคตจากการเก็บข้อมูลการขับขี่ของผู้ใช้เอง
ปัจจุบันระบบ Tesla Insurance เริ่มใช้แล้วใน 12 รัฐที่สหรัฐฯ และคาดว่าจะมีแผนที่จะขยายการรับประกันในรูปแบบนี้อีกในอนาคต ซึ่งแน่นอนว่ามีความหวังสำหรับชาวไทยด้วย ในขณะที่ Tesla ประเทศไทยดูแลพื้นฐานในส่วนของการประกันรถใหม่แบบจำกัด การประกันพื้นฐานของรถแบบจำกัด การรับประกันระบบถุงลมนิรภัยแบบจำกัด การรับประกันแบตเตอรี่และชุดขับเคลื่อนแบบจำกัด โดยครอบคลุมการซ่อมแซมหรือการเปลี่ยนอะไหล่ที่จำเป็นให้
เพียงแต่สำหรับแฟน Tesla ในบ้านเรา เรื่องใหญ่ในช่วงนี้อาจจะไม่ใช่เบี้ยประกันที่สูง แต่เป็นจุดชาร์จตามทางในระหว่างการเดินทางพักผ่อนช่วงวันหยุดหรือเทศกาลมากกว่า
อ้างอิง: