วานนี้ (9 ธันวาคม) ทางการสหรัฐอเมริกาชี้ว่า อิหร่านกลายเป็นผู้สนับสนุนด้านการทหารอันดับต้นๆ ให้แก่รัสเซียในช่วงเวลานี้ หลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิหร่านพัฒนาและแน่นแฟ้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในมิติด้านการทหารและความมั่นคง
โดย จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ทั้งสองประเทศกำลังพิจารณาความร่วมมือเกี่ยวกับการผลิตโดรนสังหารระหว่างกัน ซึ่งเป็นโดรนที่ทางการยูเครนอ้างว่า กองทัพรัสเซียใช้โดรนดังกล่าวโจมตียูเครนเมื่อไม่นานนี้ เบื้องต้นทางการอิหร่านปฏิเสธคำกล่าวอ้างนั้น ก่อนที่จะยอมรับว่ามีการส่งมอบโดรนให้กับกองทัพรัสเซียจริงแต่ในปริมาณที่จำกัด และเกิดขึ้นในช่วงหลายเดือนก่อนหน้าที่รัสเซียจะตัดสินใจเปิดฉากทำสงครามรุกรานยูเครนเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เคอร์บียังกล่าวว่า รัสเซียกำลังมองหาโอกาสที่จะร่วมมือกับอิหร่านในหลายๆ ด้าน ทั้งการพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการฝึกซ้อมด้านการทหาร และอาจจะจัดหาอาวุธที่ทันสมัยให้กับอิหร่าน เช่น เฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินรบและระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศ เพื่อให้อิหร่านได้ใช้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบอบการปกครองของตนเอง โดยในขณะนี้กองทัพรัสเซียได้ใช้โดรนของอิหร่านโจมตีแหล่งผลิตและแจกจ่ายพลังงานที่สำคัญของยูเครนอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้ประชาชนชาวยูเครนจำนวนหลายล้านคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ ขาดแคลนพลังงานในช่วงฤดูหนาว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกระทำของรัฐบาลอิหร่าน
เคอร์บีได้เน้นย้ำว่า การร่วมมือกันระหว่างอิหร่านและรัสเซียเพื่อที่จะผลิตโดรนสังหารนั้นจะเป็นอันตรายต่อยูเครน รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของอิหร่านและประชาคมระหว่างประเทศ
ขณะที่ เจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศสหราชอาณาจักร มีความเห็นสอดคล้องกับทางการสหรัฐฯ โดยระบุว่า อิหร่านได้กลายเป็นพันธมิตรด้านการทหารที่สำคัญของรัสเซีย ซึ่งความสัมพันธ์ดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประชาคมโลก ทั้งยังคาดการณ์ว่าอิหร่านจะสนับสนุนกองทัพรัสเซียเพิ่มมากขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากรัสเซียพยายามที่จะครอบครองอาวุธให้ได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงมิสไซล์อีกหลายร้อยลูก เพื่อใช้ในการทำสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อยาวนาน
แฟ้มภาพ: Sergei Savostyanov / AFP
อ้างอิง: